ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้เทศบาลแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงกรณีข้าราชการทุจริตต่อหน้าที่ทำให้ราชการเสียหายกว่า 4 ล้านบาทเศษ (สตง.ชี้มูลความผิดให้จังหวัด) คณะกรรมการสอบสวนฯ เสนอความเห็นให้ลงโทษว่ากล่าวตักเตือน และกำลังอยู่ระหว่างรายงานให้จังหวัดทราบ แต่นายกเทศมนตรีผู้ซึ่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ชิงออกคำสั่งลงโทษข้าราชการผู้กระทำให้ราชการเสียหายด้วยโทษว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจาในวันที่ 4 ธันวาคม 2550 ถามว่า
1) คำสั่งลงโทษว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา ถือเป็นโทษทางวินัยตามความในข้อ 6 แห่งพรบ.ล้างมลทิน2550 หรือไม่ ?
2) ขั้นตอนการรายงานจังหวัดฯ เทศบาลสามารถรายงานผลการสอบสวนและสั่งลงโทษไปยังคณะอนุกรรมการพิจารณาดำเนินการทางวินัยฯ โดยไม่ส่งให้คณะกรรมการพนักงานเทศบาลประจำจังหวัดได้หรือไม่ ? อย่างไร
3) ข้าราชการผู้กระทำให้ราชการเสียหาย ได้รับการล้างมลทิน ตาม พรบ.นี้หรือไม่ อย่างไร
4) ถ้า พรบ.ล้างมลทิน มีผลบังคับให้ ข้าราชการผู้กระทำให้ราชการเสียหาย ไม่ต้องชดใช้กรรม ถามว่า เงินภาษีประชาชน 4 ล้านบาทเศษจะสามารถเรียกคืนจากผู้ใด
1. ผมจำไม่ได้ว่ากฎหมายของท้องถิ่นกำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบจากจังหวัดก่อนหรือไม่ ถ้าต้องได้รับความเห็นชอบ การที่ นายกเทศมนตรีออกคำสั่งไปก่อน คำสั่งนั้นก็ใช้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากจังหวัดก่อน คำสั่งนั้นก็ใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ตัดสิทธิจังหวัดที่จะดำเนินการให้ถูกต้องในระดับของการลงโทษ เพราะแม้ ก.พ.เคยถือเป็นหลักว่าถ้าพิจารณาแล้วเป็นคุณกับผู้ถูกลงโทษจึงจะพิจารณาต่อไป แต่ถ้าพิจารณาแล้วเป็นโทษก็จะไม่พิจารณา แต่นั่นก็เป็นทางปฏิบัติของ ก.พ. ก.จังหวัดไม่จำเป็นต้องถือตาม ถ้าเห็นว่ากระบวนการนั้นเป็นการช่วยเหลือกันเกินกว่าเหตุ
2. ไม่ทราบ
3. ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามข้อ 1
4. ถ้าเป็นความเสียหายจริง และไม่อาจเรียกจากข้าราชการได้ ก็ต้องเรียกจากนายกเทศมนตรี