เทศบาลได้ทำการขุดคลองสาธารณประโยชน์ใน ปี 53ซึ่งที่ดินที่ทางเทศบาลขุดลอกคลองสาธารณประโยชน์นั้นมีชาวบ้านเป็นผู้อุทิศที่ดินให้ทำการขุดคลองดังกล่าว แต่ต่อมาผู้ที่อุทิศที่ดินได้ขายที่ดินแปลงที่ติดกับคลองสาธารณประโยชน์ให้กับนาง ก. ซึ่งนาง ก.เข้าใจว่าคลองสาธารณประโยชน์นั้นเป็นของผู้อุทิศที่ดินเพราะใน น.ส.3 ไม่มีแนวคลองสาธารณประโยชน์ปรากฎอยู่ในเอกสาร (ผู้อุทิศที่ดินมอบให้ด้วยวาจาและทางเทศบาลก็ได้มีโครงการเข้าไปขุดคลองดังกล่าวไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน) ต่อมาผู้ซื้อได้ทำการถมคลองที่ทางเทศบาลได้ขุดทั้งหมดเพื่อให้ที่ดินติดกับถนนลาดยางโดยไม่ให้มีคลองคั่น ชาวบ้านจึงโวยวายและแจ้งกับทางกำนัน ซึ่งทางกำนันได้ให้ทาง นาง ก. ดำเนินการขุดคลองให้เหมือนเดิม แต่นาง ก. ได้ขอเปลี่ยนแนวคลองใหม่โดยไปทำการขุดทางทิศใต้ของแปลงที่ดินดังกล่าว (โดยที่ไม่ได้มีการแจ้งให้ทางเทศบาลทราบถึงข้อตกลงดังกล่าว) ซึ่งกำนันและชาวบ้านก็ยินยอม นาง ก.จึงได้ขุดคลองขึ้นใหม่แต่ปรากฏว่าชาวบ้านไม่พอใจเพราะคลองที่ขุดใหม่นั้นปากคลองแคบไม่กว้างเหมือนที่ทางเทศบาลเคยทำ จึงให้แก้ไข แต่ นาง ก. บอกว่านำก็ไหลผ่านไปได้อีกอย่างตนก็เสียค่าใช้จ่ายไปเยอะแล้วจึงขุดแค่นั้น กำนันและชาวบ้านจึงนำเรื่องมาร้องเรียนร้องทุกข์กับทางเทศบาลให้ทางนาง ก. ดำเนินการขุดคลองให้เหมือนเดิมกับที่ทางเทศบาลได้ทำไว้ ซึ่งนาง ก. ก็ยอมรับปากว่าจะดำเนินการให้
ขอถามดังนี้
1.การเปลี่ยนคลองสาธารณประโยชน์โดยกำนันและชาวบ้านยินยอมตกลงให้นาง ก. เปลี่ยนแปลง โดยไม่แจ้งและยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางเทศบาลในกรณีนี้ทำได้หรือไม่
2.ตอนนี้เทศบาลส่งเรื่องถึงนายอำเภอและนายอำเภอให้ นาง ก.มาชี้แจงถึงเหตุผลที่ถมคลองสาธารณประโยชน์หากฟังไม่ขึ้น นาง ก.ก็ต้องดำเนินการให้เหมือนเดิม และในกรณีของนาง ก.เปลี่ยนแนวคลองตามความยินยอมของกำนันและชาวบ้านมีเหตุผลฟังขึ้นหรือไม่
3.กรณีดังกล่าวไม่ต้องการให้เป็นคดีความแต่อยากใช้หลักประนีประนอมโดยที่ไม่ผิดระเบียบ อยากขอคำแนะนำครับ
1. ทำไม่ได้ ถึงเทศบาลจะยอมด้วย ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เพราะที่ดินที่ได้อุทิศให้เป็นสาธารณประโยชน์แล้ว ที่ดินนั้นก็กลายเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์แม้จะยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงทางทะเบียน
2. เหตุผลน่ะฟังขึ้น แต่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร
3. ก็ให้นาง ก.ขุดคลองเดิมให้เป็นอย่างเดิม ส่วนคลองใหม่นั้นจะถมเสียเพื่อเอากลับไปเป็นที่ดินของตนก็คงได้