ขอรบกวนเรียนถามอาจารย์อีกสักเรื่องนะครับ เพราะเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับครอบครัวของผม อีกเช่นกัน คราวนี้ขอถามเรื่องกฎหมายแทนคุณแม่ ของผม
แม่ของผม เป็นลูกสาวหลวงตา (ท่านบวชเมื่อยายยังตั้งครรภ์คุณแม่ของผม) หลวงตาบวชพระมาเท่ากับอายุคุณแม่ (65ปี) เพิ่งพระราชทานเพลิงศพไปเมื่อ เดือนที่แล้ว มีโฉนดที่ดินผืนหนึ่ง มีชื่อปรากฎชื่อของ คุณตาคนโต (เสียชีวิตไป 20กว่าปีแล้ว) และชื่อหลวงตาของผมอยู่ แต่เป็นชื่อเมื่อตอนที่ท่านยังมิได้บวชเป็นพระ ปัญหามีว่า คุณยาย (น้องสาวหลวงตา) ได้บอกให้เพื่อนข้างบ้านซึ่งโดนไล่ที่ ให้มาปลูกบ้านอาศัยอยู่เป็นเพื่อนกัน รวมเวลาถึงปัจจุบัน ก็เกิน 10 ปีแล้ว และมีท่าทีว่า เพื่อนบ้านจะครอบครองพื้นที่ตรงนั้นเลยครับ เพราะเค้าปลูกบ้านอยู่แบบถาวรเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีบ้านเลขที่แยกออกมาเอง หน้าบ้านทำป้ายนามสกุลติดไว้แบบชัดเจน (บ้านหลังที่ว่านี้ ปลูกแทรกในพื้นที่ดินรูปที่เหลี่ยมผืนผ้า ของคุณแม่ครับ)
ผมเข้าไปสังเกตุการณ์แทนคุณแม่ ระหว่างที่ไปช่วยปรณนิบัติหลวงตาฯ ขณะอาพาธ เห็นว่า...เพื่อนบ้านนั้น พยายามรุกคืบที่ดิน โดยการขอปลูกสร้างโน่นนี่เพิ่มออกมาจาก พื้นที่ของตัวบ้าน สิ่งของเครื่องใช้ที่ตนเองไม่ใช้แล้ว ก็มาสุมไว้ในบ้านของคุณยาย ก่อนหน้านี้...ลุง (ญาติผู้พี่ของแม่) เข้าไปขัดขวาง ก็มีอันต้องผิดใจกับคุณยายไปแล้ว แต่เจตนารมณืของหลวงตา (ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน) ไม่ต้องการขาย และให้ที่ดินผืนนี้ตกเป็นของคนนอกสกุล เพราะต้องการเก็บไว้เป็นสมบัติของตระกูลและให้ลูกหลาน
ขอเรียนถามอาจารย์ว่า....
1. เพื่อนบ้าน สามารถ"ถือสิทธิครอบครองโดยปรปักษ์"ในที่ดินผืนนั้นได้หรือไม่ครับ (คุณยายบอกว่าไม่ได้ยกให้ แต่ให้มาปลูกอยู่เป็นเพื่อนกัน) หากยังมีหนทางต่อสู้เอาที่คืน ผมจะได้รีบดำเนินการ
2. หากคุณแม่ผมสามารถใช้สิทธิ์ "ทายาทโดยธรรม" ได้ คุณแม่ก็มีสิทธ์ให้ทนายแจ้งเรื่องการรื้อถอน ให้กับเพื่อนบ้านที่หมายจะครอบครองที่ดิน ได้เลยใช่ไหมครับ
รบกวนอาจารย์แนะนำทางออกของปัญหา ด้วยครับ
กราบขอบพระคุณอย่างสูง
1. การครอบครองปรปักษ์ก็คือการเข้าถือครองที่ดินของคนอื่นโดยสงบ โดยเปิดเผย โดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันครบสิบปี เขาก็อาจอ้างการครอบครองปรปักษ์เอาที่ดินนั้นเป็นของตนเองได้ ดังนั้นที่ถามว่าเขาจะถือสิทธิได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการครอบครองของเขา ถ้าคุณแสดงหลักฐานให้เห็นได้ว่าการที่เข้าอยู่อาศัยนั้นก็โดยที่หลวงตาท่านอนุญาตให้อยู่อาศัย และเขาก็รับรู้มาโดยตลอด เขาก็อ้างการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
2. ลองปรึกษากับทนายความดูเถอะ