นายฮง ได้อาศัยอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 123 มาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลา 60 ปี ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของพี่สาว (แม่เดียวกันแต่คนละพ่อ) ต่อมาพี่สาวได้ขายที่ดินดังกล่าวให้นายสม (ญาติห้าง ๆ) ไปจำนวน 500,000.- บาท โดยได้ตกลงกันด้วยวาจาว่าให้นายฮงอยู่บนที่ดินดังกล่าวต่อไป ซึ่งนายสมก็รับปาก แต่ต่อมานายสมทำสวนขาดทุนจึงได้ไปกู้เงินนายตี๋จำนวน 1,000,000.- บาท โดยนำบ้านที่สร้างใหม่พร้อมกับที่ดินเป็นหลักประกัน เวลาผ่านไป 5 ปี ก็ยังไม่มีเงินไปชำระนายตี๋จึงให้นายสมโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมบ้าน นายสมก็ยินยอมโอนให้แต่ก็ได้คุยเรื่องของนายฮงต้องจัดการโอนให้ซึ่งนายตี๋ก็รับปาก ต่อมาเวลาผ่านไป 4 ปี นายตี๋ได้แจ้งให้นายฮงย้ายออกไปจากที่ดังกล่าว หรือไม่ก็ต้องนำเงินมาแลกจำนวน 130,000 บาท ซึ่งนายฮงไม่มีเงินมากขนาดนั้น (มีอาชีพรับจ้างทำสวน)
คำถาม 1. นายฮงไม่ยอมออกจากที่ดินดังกล่าวได้หรือไม่ โดยใช้สิทธิอยู่มาตั้งนาน
2. นายตี๋ฟ้องขับไล่ได้หรือไม่ ถ้าได้นายฮงไม่ยอมออกได้หรือไม่
3. การร้องต่อศาลขอครอบครองปกปักษ์ได้หรือไม่ ถ้าได้ต้องทำอย่างไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร ใช้ระยะลานานเท่าใดจึงจะรู้ผล ค่าธรมเนียมศาลและค่าทนายประมาณเท่าใด
ดิฉันขอรอบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะ และกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
ยุพิน
1. การที่มีคนให้อยู่อาศัยในที่ดินของเขาจะเป็นเวลานานเท่าไรก็ตาม ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดสิทธิแก่คนอยู่อาศัยได้ เมื่อไรที่เจ้าของเขาไม่ประสงค์จะให้อยู่ก็ต้องออกไป
2. ถ้าที่ดินนั้นเป็นของนายตี๋ ๆ ก็ย่อมฟ้องขับไล่ได้ และเมื่อฟ้องและศาลขับไล่แล้ว หากไม่ยอมออกเขาก็คงเอาตัวไปขังไว้จนกว่าจะยอมออก
3. การจะครอบครองปรปักษ์ได้ ต้องได้ความว่าได้ครอบครองโดยสงบโดยเปิดเผยและโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันถึง 10 ปี ถ้าเข้าอยู่อาศัยโดยเป็นการอาศัยเขาอยู่ ก็ไม่เข้าข่ายการครอบครองปรปักษ์