ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    038084 ผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรตกมล21 พฤศจิกายน 2552

    คำถาม
    ผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน

    เรียนอาจารย์มีชัยที่เคารพ

    ดิฉันขอรบกวนสอบถามอาจารย์คะ เมื่อ พ.ย.2551 ดิฉันได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินผืนนึงให้ นาย ก. ในสัญญาฉบับแรกไม่ได้ลงวันที่ชัดเจนในการโอนที่ดิน และชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือ แต่เป็นการสัญญาปากเปล่าจากทางฝ่ายจะซื้อว่า จะชำระส่วนที่เหลือให้หมดก่อนขึ้นปีใหม่ เมื่อถึงช่วงปีใหม่ นาย ก.อ้างว่าติดธุระ ไม่มีเวลามาโอนที่ดินเลย จึงขอเลื่อนไปเรื่อยๆ หลายครั้ง ในบางครั้งก็ไม่สามารถติดต่อได้

    จนกระทั่งวันที่ 29 มีนาคม 2552 ดิฉันจึงขอทำสัญญาฉบับที่ 2 ขึ้นใหม่ ได้ระบุวันที่ในการโอนที่ดินและชำระเงินส่วนที่เหลือไว้ ภายในวันที่ 29 เมษายน 2552

    เวลา 12.30 น. วันที่ 29 เมษายน 2552 ดิฉันไปรอ นาย ก. ที่สำนักงานที่ดิน นาย ก.มาสายไปกว่า 2 ชั่วโมง เมื่อมาถึง ดิฉันขอเอกสาร เพื่อยืนทำเรื่องโอนที่ดิน นาย ก. กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมเอกสารมา เพราะไม่ทราบว่าต้องนำมา ทางที่ดินจึงให้นาย ก.กลับไปเอา ดิฉันจึงอยู่รอที่สำนักงาน จนกระทั่ง อีกประมาณ 10 นาที ถึงเวลาปิด นาย ก.จึงกลับมา พร้อมบอกว่า เอกสารไม่ครบ ขอนัดวันโอนใหม่เป็นพรุ่งนี้ แต่ดิฉันต้องเดินทางไปต่างประเทศในเช้าวันรุ่งขึ้น หัวหน้าของที่ที่ดินแจ้งนาย ก. ว่าไม่ต้องการให้มีเรื่องบาดหมางกัน จึงยินดีอยู่เกินเวลา และยินดีทำเรื่องโอนที่ดินให้ โดยใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว แต่นาย ก.ยืนกรานว่า จะรอเอกสารให้ครบ ไม่ยอมทำเรื่องโอนที่ดิน

    ดิฉันจึงขอดูเช็คเงินสดที่เตรียมมาจ่ายค่าที่ดินที่เหลือ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของนาย ก. ว่ามีเจตนามาโอนที่ดินจริงๆ แต่เอกสารไม่พร้อม แล้วนัดกันใหม่ก็ได้ แต่นาย ก.อ้างว่า เค้าเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง ทำไมไม่เชื่อใจเค้า สุดท้าย นาย ก.ก็ไม่ยอมแสดงเช็คให้ดิฉันดู จึงต่างฝ่ายต่างกลับกันไปโดยไม่ได้ตกลงอะไรกัน

    หลังจากนั้น ดิฉันจึงได้รับหมายศาล นาย ก.ฟ้องดิฉัน ให้ดิฉันโอนที่ดิน และรับเงินส่วนที่เหลือ พร้อมจ่ายค่าทนายและค่าเสียหายให้แก่ นาย ก.  ดิฉันได้ไปขึ้นศาลมา 2 ครั้ง ในเดือน กรกฎาคม 2552 แต่ไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ ทางศาลจึงนัดสืบพยานในเดือน กรกฎาคม 2553

    แต่ในวันนี้ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2552 ดิฉันได้รับหมายศาลอีกหนึ่งฉบับ นาย ก. ฟ้องศาลแพ่งให้อายัดที่ดินดิฉัน อ้างว่าดิฉันมีเจตนาฉ้อโกง และอาจจะไม่มีเงินคืน นาย ก. ในส่วนที่นาย ก.ได้จ่ายมาประมาณครึ่งนึงแล้ว (เงินจำนวนนี้เกิดจาก มัดจำ 300000 บาท และทุกครั้งที่นาย ก. ขอเลื่อนการโอนที่ดิน นาย ก. จะขอโอนเงินบางส่วนมาแทน ซึ่งดิฉันจำได้ว่า นาย ก.เคยถามดิฉันว่า จะขอผ่อนที่ดินผืนนี้ ซึ่งดิฉันไม่ยินยอม) ดิฉันจึงต้องไปขึ้นศาลในคดีอายัดที่ดิน ในวันที่ 21 ธันวาคม 2552 นี่

    ดิฉันขอเรียนอาจารย์มีชัยว่า ระหว่างที่ยังมิได้โอนที่ดิน นาย ก. ได้บุกรุกเข้าไปถมที่ดินของดิฉัน โดยที่มิได้ขออนุญาติดิฉันเลย

    ดิฉันไม่อยากมีเรื่องไปมากกว่านี้ จึงมิได้ดำเนินการทางกฎหมายใดๆ แค่พูดปากเปล่ากับนาย ก. ว่าไม่ควรทำเช่นนี้

    จนกระทั่ง เดือนตุลาคม 2552 ดิฉันเข้าไปดูที่ดิน ดิฉันก็พบ ชาย-หญิงไม่ทราบชื่อ มาปลูกบ้านสังกะสีอยู่ในที่ดิน ดิฉันจึงสอบถามว่า มาอยู่ได้อย่างไร ดิฉันไม่เคยอนุญาติ ชาย-หญิงตอบว่า นาย ก.เป็นเจ้าของที่ดิน อนุญาติให้พวกตนมาอาศัยอยู่ ส่วนดิฉันไม่ใช่ ดิฉันชี้แจงพร้อมนำโฉนดที่ดินให้ดู ชาย-หญิงก็ยังยืนกราน ว่าดิฉันไม่ใช่เจ้าของ ไม่ยอมออกจากที่ดิน ถ้าต้องการให้พวกตนออก ดิฉันต้องไปคุยกับนาย ก.เอง ชาย-หญิงกล่าวหาว่า ดิฉันมีเจตนาหลอกขายที่ดินนาย ก.  และอย่าหวังที่จะชนะคดีเลย ดิฉันจึงได้แจ้งความกับทางตำรวจ ว่ามีผู้บุกรุก แต่ไม่สามารถเอาผิด นาย ก.ได้

    ดิฉันขอความกรุณาอาจารย์มีชัย ว่า

    1. ดิฉันทำผิดจากการจะซื้อจะขายอย่างไรหรือไหม ทำไมนาย ก.จึงมีความมั่นใจในการฟ้องร้องดิฉันอย่างมาก

    2. ดิฉันจะทำอะไรกับนาย ก.ได้บ้างไหม ในเรื่องเข้าไปถมที่ดินของดิฉันโดยไม่ได้รับอนุญาติ และเรื่องที่นาย ก.อ้างตัวเป็นเจ้าของที่ดิน ให้ผู้อื่นเข้ามาพักอาศัย

    3. ดิฉันควรจะแสดงเจตนาอย่างไร เพื่อที่ทางศาลจะไม่อายัดที่ดินดิฉัน เพราะ ด้วยความสัตย์จริง ดิฉันไม่เคยมีเจตนาฉ้อโกงใครทั้งสิ้น

    4. ดิฉันมีโอกาสจะเสียเปรียบ หรือเสียที่ดินให้นาย ก. มาก-น้อยไหมคะ

    5. ถ้าดิฉันเปลี่ยนใจจะไม่ขายที่ดินผืนนี้ให้นาย ก. จะได้ไหมคะ และมาเจรจากันเรื่องเงินส่วนที่ชำระมาว่า จะคืนกันโดยสัดส่วนเท่าไหร่ ถ้าได้ ดิฉันต้องแจ้งทางศาลเช่นไรคะ

    6. ถ้าสมมุติว่า ดิฉันแพ้ในคดีนี้ ดิฉันจะทำอย่างไรต่อไปได้บ้างคะ สามารถฟ้องกลับได้ไหม

    7. ในส่วนของการสืบพยาน ทางฝ่ายโจทก์ และจำเลย ไม่สามารถใช้พยานคนเดียวกันได้ใช่ไหมคะ

    8. ชาย-หญิงที่มาอาศัยบนที่ดิน สามารถร้องขอค่าขนย้ายจากดิฉันได้หรือไม่คะ

    ขอบพระคุณอาจารย์มีชัยอย่างสูง ดิฉันเครียดมากๆ เพราะไม่เคยประสบเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย

     

    คำตอบ

    เรียน คุณรตกมล

    1. เท่าที่ฟังจากที่เล่ามา คุณก็ยังไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาอะไร และไม่ได้ปฏิเสธที่จะขายที่ดินนั้น

    2. ควรแจ้งความฐานบุกรุกที่ดินไว้  อนึ่ง การที่เขามาถมที่ดินคุณ ถ้าเขาแพ้คดี เขาก็คงเสียหายเอง

    3. ควรแจ้งให้ศาลทราบว่าคุณไม่ได้มีเจตนาบิดพลิ้ว ถ้าเขาจ่ายเงินให้ครบก็ไปโอนกันได้เลย

    4. ถ้าเขาชนะคดีอย่างมากก็คือคุณต้องขายที่ดินให้เขา แต่คุณก็พร้อมจะขายให้เขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

    5. ถ้าไม่ประสงค์จะขาย ก็คงต้องบอกเลิกสัญญากับเขา แต่ก่อนบอกเลิกสัญญา ก็ควรปรึกษาทนายความเสียก่อน

    6. ถ้าคุณแพ้คดีแล้วจะเอาอะไรไปฟ้องเขาล่ะ

    7. ไม่มีอะไรห้าม แต่เมื่อฝ่ายหนึ่งอ้างแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งก็มีสิทธิซักถามได้อยู่แล้ว

    8. เขาบุกรุกเข้ามาเขาไม่มีสิทธิเรียกอะไรหรอก นอกจากคุณจะตัดรำคาญแล้วจ่ายให้เขาเอง

       เมื่อเป็นคดีความแล้ว ควรหาทนาย


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    21 พฤศจิกายน 2552