พ่อกับแม่หนูได้ซื้อบ้านเพื่อทำการค้าขายประมาณ 10 ปีมาแล้วกู้มาสามล้านหกหมื่นจากธนาคารทหารไทยช่วงแรกสามารถชำระผ่อนให้แบงค์ได้เพราะช่วงนันเศรษฐกิจดีเดือนละ6-7หมื่นพ่อกับแม่ก็ส่งได้แม้จะได้ลดต้นนิดหน่อยเพราะจะหนักไปกับดอกเบี้ย แต่มาช่วงที่เศรษฐกิจแย่ และพ่อหนูก็มาเสียชีวิตเมื่อปี 44 ยิ่งเข้าไปใหญ่ ทางธนาคารก็มาคุยให้ชำระบ้าง แต่มันไม่มีจริงๆ ดอกก็เลยสูงขึ้นเรื่อยๆ ทางธนาคารก็ได้ปรับโครงสร้างนี้ให้แต่อย่างว่าปรับอย่างไรมันก็มาก แม่ก็เลยขาดการส่งกับทางธนาคารจนทางธนาคารได้ฟ้องล้มละลายเพราะตอนนี้ เป็นหนี้รวม 5,745,876.38 ซึ่งทางธนาคารประเมินราคาบ้านที่ 3,900,000 เลยถูกฟ้องล้มละลายซึ่งก่อนหน้าที่จะโดนฟ้องล้มละลายนี้แม่ได้จ้างทนายต่อสู้คดีศาลจังหวัดทางศาลโดยแม่ให้ทนายจัดการแทนเพราะแม่ป่วยและแม่ก็เชื่อใจทนายได้ทำเรื่องตกลงผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนๆเดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000ซึ่งดูแล้วมันก็พอที่จะส่งได้ และให้เสร็จสิ้นภายใน 6เดือนซึ่งไม่สามารถทำได้แน่นอนแม่ก็เลยปล่อยเลยทำให้เราผิดสัญญา แต่หนูอยากได้บ้านไว้แต่หนูไม่รู้จะพึ่งใครหนูจะช่วยแม่ได้ยังไงค๊ะ เพราะทุกวันนี้เราก็ยังเปิดร้านขายของตามปกติ และเค้าจะมายึดบ้านหนูเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ข้าวของในบ้านหนูอีกล่ะถ้าถูกยึดก็หมดกัน หนูสาธยายมากไปหน่อยรบกวน ด้วยน๊ะค๊ะ
1. วันที่ 29ตุลานี้ ศาลล้มละลายนัดไปขึ้นศาลหนูไปต่อรองได้ไหมค๊ะแล้วต้องมีเงินอย่างน้อยเท่าไรค๊ะหนูไม่อยากให้แม่เป็นคนล้มละลาย
2. หนูตกเป็นจำเลยด้วยในฐานะทายาทผู้จัดการมรดกหนูโดนฟ้องด้วยรึปล่าวค๊ะทำไมเค้าถึงฟ้องหนูทั้งๆที่หนูไม่ได้เป็นผู้กู้หรือค้ำประกัน
3.ขอศาลได้โปรดมีหมายเรียกทายาทเข้ามาแก้คดีแทนกองมรดกของลูกหนี้ที่ 2(ผู้ตาย) หมายความว่ายังไงค๊ะ
ได้โปรดช่วยตอบหนูด้วยและทานช่วยหนูได้มั้ยค่ะ หนูอยากขอเวลาสัก 2ปีหนูจะหาเงินมาซื้อบ้านให้แม่ หนูต้องทำได้ ขอบพระคุณอย่างสูง
1. การต่อรองนั้นทำได้เสมอ
2. ถ้าคุณได้รับมรดกมา เจ้าหนี้เขาย่อมมีสิทธิมาติดตามเอาส่วนที่เป็นมรดกที่คุณได้รับมาภายหลังจากเวลาที่บิดาคุณเสียชีวิต แต่ถ้าคุณไม่ได้รับมรดกอะไรมาเลย คุณก็ไปแจ้งศาลทราบว่าคุณไม่ได้รับมรดก คุณจึงต้องรับผิดชอบในหนี้นั้น แต่ถ้าผู้ตายมีมรดก และคุณเป็นผู้จัดการมรดก เขาก็ต้องเรียกคุณเข้ามาในคดี แต่คุณก็ไม่ต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัว เรียกว่ามีทรัพย์สินอยู่เท่าไร คุณก็เพียงแต่นำทรัพย์สินนั้นไปชำระหนี้ให้เขา หมดแล้วก็แล้วกันไป หนี้สินนั้นจะหมดหรือไม่หมดไม่ใช่เรื่องของคุณอีกต่อไป
3. ก็อย่างที่อธิบายไว้ในข้อ 2 นั่นแหละ