ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    040481 กฎหมายอุ้มบุญคุณตูน6 มิถุนายน 2553

    คำถาม
    กฎหมายอุ้มบุญ

    เรียนอาจารย์มีชัย

    ดิฉันมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎหมายอุ้มบุญที่จะออกมาเร็วๆนี้ เพราะดิฉันไม่สามารถมีบุตรเองได้ ครั้งแรกคิดจะไปทำที่อินเดีย แต่พอได้ข่าวว่ามีกฎหมายอุ้มบุญออกมาแล้ว เลยอยากทำที่เมืองไทย จึงมีคำถามถามอาจารย์ดังนี้ดังนี้

    1. อยากทราบกำหนดเวลาว่ากฎหมายนี้จะเริ่มใช้เมื่อไหร่ หลังจากที่มีการรับรองกฎหมายแล้ว ระยะเวลาความน่าจะเป็นไปได้

    2. ในใบแจ้งเกิดของเด็กตามกฎหมายนี้  ชื่อพ่อแม่ของเด็กคือใคร เป็นชื่อคนอุ้มบุญ  หรือชื่อของพ่อแม่ที่ขอให้อุ้มบุญได้เลยทันที

    3. ทำไมในเมื่อมีกฎหมายอุ้มบุญออกมาแล้ว กรณีคนอุ้มบุญอาจจะแต่งงานแต่ไม่มีการจดทะเบียน เนื่องจากเหตุผลส่วนตัว จะรับการอุ้มบุญไม่ได้ ควรจะให้สิทธิขั้นพื้นฐานแก่คนอุ้มบุญที่เต็มใจทำ

    4. กรณีที่หญิง หรือชายโสดบางคน อยากจะมีการขอให้อุ้มบุญเพราะไม่ต้องการแต่งงาน ทำไมจึงไม่สามารถทำได้ เช่นพวก เกย์ เลสเบียน เป็นต้น

    5. สงัสยว่าทำไมบางครั้งคนออกกฎหมายไทยถึงไม่ให้สิทธิคนไทยได้รับเต็มที่ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย ในเรื่องการอุ้มบุญ

    ขอบคุณค่ะ

    จากคนที่ไม่มีลูก ซึ่งคนที่มีลูกแล้วอาจไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของเรา

    คำตอบ

    1. เข้าใจว่ากฎหมายนี้อยู่ในระหว่างการตรวจพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคงใช้ระยะเวลาหนึ่งในการตรวจพิจารณา เมื่อเสร็จแล้วยังจะต้องส่งไปให้รัฐบาลเพื่อส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าสภาจะใช้เวลานานเท่าใดในการพิจารณา เมื่อสภาผู้แทนพิจารณาเสร็จแล้วยังจะต้องส่งต่อไปยังวุฒิสภา ถ้าวุฒิสภาแก้ไขและสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นด้วย ก็จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณา แล้วจึงส่งกลับไปยังแต่ละสภาอีกทีหนึ่ง  ด้วยกระบวนการดังกล่าวจึงยากที่จะบอกได้ว่าจะใช้เวลาอีกนานเท่าไร

    2. น่าจะเป็นชื่อพ่อแม่ของเด็กที่ขอให้อุ้มบุญ

    3. ยังไม่ทราบว่าเมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะยอมให้คนที่แต่งงานแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสขอให้มีการอุ้มบุญได้หรือไม่  แต่ถ้าไม่ยอม ก็พอเข้าใจได้ว่าคงจะมีเหตุผลว่า เมื่อไม่ได้มีการสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เด็กที่เกิดมาก็คงมีแต่แม่  เพราะแม้แต่หญิงที่แต่งงานโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสมีลูกด้วยตัวเอง เด็กนั้นก็มีแต่แม่ ยังไม่มีพ่อ

    4. การมีลูกนั้น ไม่ใช่นึกถึงแต่ความอยากหรือความสุขของคนที่อยากมีลูกเท่านั้น ต้องนึกถึงเด็กที่จะเกิดมาด้วยว่าจะต้องไม่สร้างปมด้อยให้แก่เขาโดยไม่จำเป็น  เด็กที่จะสมบูรณ์ได้ต้องมีทั้งพ่อและแม่  และครอบครัวที่สมบูรณ์  ครอบครัวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อชายและหญิงเริ่มสร้างกันขึ้นอันเป็นสถาบันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและตามกฎหมาย  อันที่จริงในทางสังคมและจิตใจนั้นครอบครัวที่มีแต่ชายและหญิงก็ยังไม่สมบูรณ์เสียทีเดียว ความผูกพันและการยึดเหนี่ยวระหว่างชายและหญิงนั้นจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีบุตร ซึ่งเป็นผลผลิตร่วมกันของชายและหญิงนั้น ความรักที่มีต่อบุตรย่อมเป็นผลสืบเนื่องให้เกิดความผูกพันระหว่างชายและหญิงนั้นยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็สะท้อนกลับให้เกิดความรัก ห่วงใย เสียสละ และการอุปถัมภ์ค้ำชู เพื่อให้ลูกเจริญเติบโตเป็นสมาชิกของสังคมที่ดี โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ  ชายหรือหญิงที่เป็นโสด ย่อมยากที่จะสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้ (แม้ว่าอาจจะมีบางคนที่เป็นข้อยกเว้นก็ตาม แต่โดยทั่ว ๆ ไปย่อมยากที่จะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ)  ถ้ายิ่งเป็นชาย ก็ยิ่งไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้ ในทางกฎหมายเขาจึงยึดหลักว่า เด็กต้องมีแม่ (เพราะเป็นคนคลอดออกมาเอง) ส่วนพ่อนั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้

    5.สิทธิในการให้คนอื่นท้องแล้วตัดขาดจากคนท้องเพื่อให้เด็กนั้นมาเป็นบุตรของคนที่อยากมีลูก นั้น ไม่ใช้สิทธิขั้นพื้นฐาน แต่เป็นสิทธิที่จะเกิดมีขึ้นโดยฝืนธรรมชาติ การที่จะมีกฎหมายอุ้มบุญขึ้น ก็เป็นเพียงแต่จะผ่อนปรนให้หญิงชายที่สมรสกันแล้วไม่สามารถมีบุตรได้โดยธรรมชาติ ได้อาศัยท้องของคนอื่นคลอดบุตรให้ตน  ถ้าว่าโดยเคร่งครัดแล้วเชื้อที่จะนำไปใส่ท้องของคนคลอดนั้นควรต้องเป็นเชื้อและไข่ของชายและหญิงที่อยากมีลูก อย่างน้อย ๆ ความผูกพันที่เด็กกับชายและหญิงนั้นจะมีต่อกันจะได้มีส่วนเป็นธรรมชาติหลงเหลืออยู่ให้พอยึดถือได้ว่าเป็นสายเลือดของตน ข้อสำคัญในการมีลูกและเลี้ยงเด็กให้เจริญเติบโตขึ้นนั้น มีทั้งที่เด็กจะเป็นคนน่ารักและเป็นคนดี ฉลาดเฉลียวสมใจ หรืออีกทางหนึ่งอาจเป็นเด็กที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ฉลาดเฉลียว หรือไม่เป็นคนดีอย่างที่ใจต้องการก็ได้  ซึ่งถ้าเกิดขึ้นเช่นนั้นจริง ความเป็นสายเลือดเดียวกันยังทำให้พ่อแม่ที่ไปฝากเขาท้อง ยังผูกพันและเลี้ยงดูเด็กนั้นต่อไป ไม่ทิ้งขว้างเสียกลางคัน  อย่างไรก็ตามกฎหมายที่จะออกมาอาจยินยอมให้ใช้เชื้อและไข่ของคนอื่นก็ได้ ซึ่งก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีถึงปมด้อยและปัญหาที่จะเกิดกับเด็กในอนาคต  อนึ่ง คนที่เป็นโสดไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากอยากมีลูก ก็สามารถรับเด็กที่เป็นลูกของคนอื่นมาเป็นบุตรบุญธรรมได้อยู่แล้ว และเมื่อรับมาเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว เด็กนั้นก็จะมีสิทธิเหมือนกับลูกแท้ ๆ ของตน


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    6 มิถุนายน 2553