เนื่องจากน้าเขยได้เป็นครู ซึ่งก่อนจะได้เป็นครูน้าสาวของดิฉันได้อยู่กินกันและได้จดทะเบียนสมรถอย่างถูกต้อง โดยเริ่มจากน้าเขยไม่มีงานทำดังนั้นน้าสาวจึงมีหน้าที่การงานทำและส่งให้น้าเขยได้เรียนจบรับปริญญา ก่อนที่จะได้รับปริญญาน้าสาวได้ตั้งท้องและได้ลูกชายหลังจากนั้นไม่นานน้าเขยก็รับปริญญา และได้ไปเป็นครูสอนที่โรงเรียนต่างจังหวัด น้าสาวจึงได้ลาออกจากงานเพื่อตามสามีหลังจากนั้นน้าสาวได้ตั้งท้องอีกครั้งและได้ลูกสาว แต่ในขณะเดียวกันสามีก็มีพฤติกรรมเจ้าชู้กับหญิงอื่น แต่หลังจากนั้นก็ได้เลิกกับหญิงนั้นไป และได้ไปสอนที่โรงเรียนที่ใหม่ซึ่งอยู่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของน้าทั้งคู่ หลังจากนั้นทางแม่ของน้าเขยได้ยกที่ดินเพื่อให้สร้างบ้านเมื่อสร้างบ้านเสร็จ น้าเขยต้องไปสอนอีกอำเภอซึ่งเมื่อไปสอนที่นั้นก็ได้นักเรียนเป็นภรรยากัน ซึ่งน้าสาวของดิฉันก็รับรู้ก็ได้มีปากเสียงกันบ้าง แต่ทางพ่อแม่ของเด็กกล่าวว่าหากน้าเขยไม่รับผิดชอบอะไรจะฟ้องวินัยทางครู น้าสาวจึงเห็นกับอนาคตของลูกของตนอีก 2 คน ในขณะนั้นยังเรียนอยู่ชั้นระดับประถมอยู่ จึงยอมรับสภาพ แต่หลังจากที่เด็กนักเรียนคนนั้นได้เรียนจบจึงหางานทำและได้ไปหางานทำทางภาคใต้และได้สามีใหม่ แต่น้าเขยก็ยังไม่เลิกเจ้าชู้ดันไปได้ครูเหมือนกันมาเป็นภรรยา เมื่อน้าสาวรู้ก็ไม่สามารถที่จะรับพฤติกรรมของน้าเขยได้จึงทำให้ตัวเองมีความผิดหวังมากเพราะคิดว่าสมัยก่อนเราช่วยกันเพื่อที่จะสร้างอนาคตโดยน้าสาวก็พยายามทำงานเพื่อที่จะส่งสามีให้เรียนจบ แต่เมือเจอพายุซัดอีกครั้งน้าสาวจึงหมดใจและเสียใจมาก ดังนั้นน้าสาวจึงตกลงขอเงินจากน้าเขย 5 แสนบาท และจะหย่าให้ เพื่อที่จะนำเงินนี้มาเลี้ยงลูกทั้งสองและตนเองด้วย แต่น้าเขยไม่สามารถมีให้น้าสาวจึงบอกน้าเขยและภรรยาใหม่ซึ่งเป็นครูว่า หากไม่ได้ตามนั้นฉันก็จะขอความยุติธรรมโดยจะแจ้งวินัยทางครู และหลังจากนั้นไม่นานได้มีหมายศาลให้น้าสาวดิฉัยไปขึ้นศาลโดยน้าเขยเป็นคนฟ้องร้องโดยให้การว่าน้าสาวไม่ช่วยหารายได้เข้าบ้านหวังแต่เงินจากสามี ซึ่งโดยตามหลักความเป็นจริงแล้วน้าสาวเป็นแม่บ้าน ทำนา ทำสวน รับจ้างแล้วแต่มีอะไรจะให้ทำ ซึ่งต้องทำเพราะต้องหาซื้อหาอยู่ให้ลูกทั้งสองกิน แต่สามีจะรับผิดชอบในเรื่องเงินที่ต้องไปโรงเรียนเท่านั้น ดังนั้นน้าสาวจึงหมดความอดทนกับสามีที่อยู่ด้วยกันมาแต่กลับมาฟ้องร้องขอหย่าในลักษณะนี้น้าสาวจึงต้องหาทนายมาสู้กัน สุดท้ายน้าเขยจะถอนฟ้องน้าสาวแต่น้าสาวไม่ยอมและได้ทำเรื่องร้องเรียนทางวินัยด้วย ทางโรงเรียนจึงตั้งคณะกรรมการสืบสอนน้าสาว แต่หนังสือที่ทำเรื่องร้องเรียนให้ตั้งคณะกรรมการมาสือบสวนน้าสาวมานานแล้ว น้าสาวก็รอ จนสุดท้ายต้องไปตามเองที่โรงเรียน ทาง ผอ โรงเรียนกล่าวว่ายังไม่มีเวลา ซึ่งตามจริงจดหมายนั้นส่งมาเป็นเดือนแล้ว เมื่อน้าสาวไปตามเรื่องเองหลังจากนั้นจึงมีกรรมการมาสือบสวน ดังนั้นในข้อที่จะถามมีดังนี้
1.หากเรื่องในศาลไม่สามารถตกลงกันได้ในลักษณะเรื่องการเรียกเงิน เรื่องจะออกมาเป็นเช่นไร
2 หากตกลงกันได้ในเรื่องศาลจบและเรื่องร้องเรียนทางวินัยจะเป็นเช่นไร
3.น้าสาวสมารถฟ้องภรรยาที่เป็นครูเป็นจำเลยและเรียกร้องค่าเสียหายได้หรือไม่
หมายเหตุ ภรรยาใหม่ที่เป็นครูเขารับรู้ว่าน้าเขยมีภรรยาและลูกด้วยและตอนนี้เขาทั้งสองได้ไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย
ดิฉันในฐานะเป็นหลานสาวซึ่งเมื่อก่อนน้าสาวและน้าเขยได้ไปอาศัยที่บ้านของมารดาดิฉัน และทั้งคู่ก็เคยเลี้งดูดิฉันมาตั้งแต่จำความได้ประมาณ 3 ขวบ ดังนั้นดิฉันจึงรู้เรื่องรายละเอียดดีว่าตลอดมาเป็นเช่นไร ซึ่งเมื่อก่อนน้าเขยเป็นคนดีมากๆ แต่พอเป็นครูทุกอย่างเปลี่ยนไปโดยเป็นคนละคน ดิฉันจึงขอแนวทางในการเป็นธรรมให้กับน้าสาวและหลานอีก 2 คน คะ ด้วยความเคารพนับถืออย่างสูงคะ
1. ถ้าตกลงกันไม่ได้ ศาลก็คงดำเนินคดีต่อไปจนกว่าศาลจะตัดสิน
2. ผู้บังคับบัญชาก็คงดำเนินการต่อไปจนกว่าจะรู้ผลของการสืบสวนหรือสอบสวน
3. ฟ้องได้