ขอเรียนถาม ท่านอาจารย์มีชัย ที่เคารพ
ถ้าหากมีอาจารย์ท่านหนึ่ง ได้ทำโครงการนำเสนอต่อมหาวิทยาลัย เพื่อจัดตั้งหน่วยพิเศษหรือโครงงานเฉพาะกิจ เช่น การเปิดสอน เปิดอบรม โดยได้แบ่งผลประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัย เช่น 10% ของรายได้โครงการ มหาวิทยาลัยอนุมัติให้จัดทำได้ แต่ปรากฏว่า อาจารย์ท่านนั้นกลับกระทำและบริหารโครงการนั้นในลักษณะที่มาปนเปและใช้สถานที่ วัสดุและครุภัณฑ์ของหน่วยงานตรง ไม่ยอมแยกแยะออกไปเป็นกิจจะลักษณะ อีกทั้งรบกวนการทำงานของอาจารย์ท่านอื่นในสายงานตรง นอกจากนั้นอาจารย์ท่านนี้ก็นำผลกำไรส่วนใหญ่เข้ากระเป๋าของตนเอง เช่น คิดเป็นค่าอบรมค่าสอนของตนเองและกลุ่ม (ซึ่งน่าจะมากกว่า 80% ของรายได้ของโครงงานพิเศษนั้น) ค่าวัสดุ เช่น กระดาษ เครื่องเขียน เครือ่งพิมพ์ หรืออื่นๆ ก็มิได้แยกซื้อเฉพาะ สถานที่ก็ใช้ห้องเรียน มิได้ไปเช่าห้องสัมนาในโรงแรมหรือที่อื่นใด ถ้ามองแบบคนทื่อๆ อย่างกระผมก็เหมือนการทำธุรกิจส่วนตัวโดยแอบแฝงในหน่วยราชการ จงใจใช้ของราชการเพื่อประหยัดเงินในโครงการของตนเอง รวมทั้งใช้ชื่อเสียงของหน่วยราชการและหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง แต่อ้างวัตถุประสงค์ของโครงการบังหน้า ปัจจุบันอาจารย์ท่านนี้ได้จัดงานลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นมาหลายโครงการแล้ว และหลังจากปฏิบัติการก็ทิ้งร้าง ห้องโครงการที่ขอแบ่งพื้นที่ไปก็ทิ้งร้าง ไม่มีการสานต่อให้เป็นประโยชน์จริงๆกับทางมหาวิทยาลัย เหมือนกับการหลอกตีหัวเข้าบ้าน อีกทั้งโครงการนั้นก็ไม่ได้สนับสนุนการดำเนินการ ไม่ใช่หลักสูตรพิเศษที่ให้ปริญญา มิได้จัดโดยภาควิชา ไม่ใช่การประชุมหรือสัมนาที่ดีต่อจุดประสงค์ของภาควิชาและคณะ ผลพลอยได้ต่อเนื่องหลังจากโครงการก็ได้กลายเป็นงานพิเศษส่วนตัวเสียทั้งหมด
ถ้าอ่านตามข้อเสนอโครงการที่ได้รับการอนุมัติก็คงไม่มีทางเอาผิดเขาได้ เพราะเขาเขียนเลี่ยงบาลี และเขาก็ทำตามที่ว่าไว้ในโครงการนั้นจริงๆ ผมพอทราบความเป็นจริงว่าอาจารย์ราชการท่านอื่นๆ ที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็อาจรับงานพิเศษ งานคอลซัลแตนท์ ซึ่งอาจเหมือนการเบียดบังเวลาราชการไปทำ แต่ก็จะไม่ใช่ลักษณะการแอบแฝงอย่างน่าเกลียดอย่างกรณีของท่านนี้
การกระทำเช่นนี้ มีความผิดอย่างไรครับ ร้องเรียน หรือดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ขอคำแนะนำจากท่านด้วยครับ
คงไม่อาจตอบให้ชัดเจนได้ว่าผิดอย่างไร เพราะขึ้นอยู่กับรายละเอียดและวิธีดำเนินการของโครงการ และระเบียบข้อบังคับของสถาบัน ทางที่ดีควรมีหนังสือหารือกับผู้บริหารของสถาบัน