เมื่อ 13 ปีกว่าขึ้นไป ม.นอกระบบฯ หนึ่งต้องการรับอาจารย์ และพนักงานอื่น เข้าเป็นพนักงานของ ม. นอกระบบ จึงแจ้งทั่วไปว่า "มีสวัสดิการที่ดีกว่าราชการ หรือใกล้เคียง" เพื่อดึงดูดคน โดยเฉพาะอาจารย์
ช่วงนั้น ผมรู้สึกว่า เป็น ม.ในฝัน เพราะมีคำเชิญชวน ที่อยากไปเป็นพนักงานคนหนึ่ง นอกเหนือจาก สวัสดิการที่กล่าวแล้วก็ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น มีระบบประเมินอาจารย์ตลอดปี ทุกปี ทำให้ทุกคนขยัน มีการประหยัด โดยพยามใช้กระดาษสองด้าน เป็นต้น
เมื่อทราบว่ามีการให้ทุนศึกษาต่อ ผมจึงไปสอบ และได้ทุนมา อีกทั้งได้รับคำกล่าวว่า จะบรรจุเป็นพนักงานให้ และให้ลาไปเรียน โดยให้ได้รับเงินเดือนตามวุฒ บวกค่าประสบการณ์อีกสามปี ให้มากกว่าผู้ที่จบวุฒิเท่ากัน แต่ไม่มีประสบการณ์สอน
เมื่อผมรับทุน และจบการศึกษากลับมา ก็บอกผมว่า ได้เงินเดือนเท่าคนอื่น เพราะเงินเดือนปรับสูงขึ้นให้แล้ว (เนื่องจาก ฐานเงินเดือนราชการขึ้น) และสวัสดิการนั้น ไม่เท่าเทียมของราชการ เช่น เบิกค่ารักษาพยาบาลให้พ่อและแม่ไม่ได้ (ซึ่งก็ตรงกับ ม.นอกระบบอื่น หรือ ม.ในระบบฯ ที่อาจารย์ใหม่ไม่เป็นราชการแล้ว) แต่ในครั้งนั้น (ผ่านมาแล้ว 13 ปี) กล่าว และแจ้งให้ทราบทั่วไป (จำได้ว่า ได้มีประกาศลงหนังสือพิมพ์) สวัสดิการเท่าเทียม หรือดีกว่า ด้วยเหตุทั้งหมด ทำให้ผมเลือกตัดสินใจรับทุนศึกษาต่อ (ทุนเป็นแบบ 3 เท่า มากกว่าแห่งใดในประเทศไทย แต่ผมเลือกรับฯ เพราะ เข้าใจว่า ม.นี้เป็น ม.ในฝัน) โดยทำสัญญากัน ผมต้องทำสัญญากับ ก.พ. (ซึ่งเป็นแบบ 2 เท่า เท่านั้น ไม่ว่ากับใคร ตามระเบียบของ กรมบัญชีกลาง หรืออะไรสักอย่าง) และกับม.นอกระบบนี้ (เป็นแบบ 3 เท่า ซึ่ง ม.นอกระบบไม่อ้างอิงราชการ หรือใคร แต่อ้างอิงตนเอง)
ค่าประสบการณ์ที่บวกให้ผม และคำกล่าวเกี่ยวกับสวัสดิการ ไม่มีในสัญญา ผมขอถามว่า "ถือว่าผมถูกหลอกลวง ให้เซ็นสัญญารับทุนศึกษาต่อ และเกิดการผูกพัน" เพื่อเป็นเหตุฟ้องศาลได้หรือไม่?
ขอบคุณครับ
จะไปว่ามหาวิทยาลัยหลอกลวงคงไม่ได้ เพราะในขณะนั้นมหาวิทยาลัยก็ไม่คิดว่ามหาวิทยาลัยจะถูกรัฐบาลหลอกลวงเหมือนกัน ในตอนแรกที่ผลักดันให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ รัฐก็บอกว่าเมื่อออกนอกระบบแล้วจะให้เงินเดือนมากกว่าราชการ 1.7 เท่า ครั้นอยู่ต่อมารัฐบาลก็ขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้ขึ้นมาเท่าและสูงกว่าพนักงานของมหาวิทยาลัย โดยไม่ปรับเงินเดือนให้พนักงาน แถมยังตัดอัตรากำลังที่เป็นข้าราชการของมหาวิทยาลัยลงไปเรื่อย ๆ แล้วปล่อยให้มหาวิทยาลัยหาเงินมาจ้างคนเอาเอง มหาวิทยาลัยเก่า ๆ ที่มีทรัพย์สินรองรังอยู่แล้วก็คงพอทำเนา แต่มหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ต่างก็แย่ไปตาม ๆ กัน