อาจารย์ครับผมมีความสงสัยเรื่องเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา67 วรรค 2 ในเรื่องการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียก่อน ประเด็นที่จะถามคือการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนนั้น(ประชาพิจารณ์) (ข้อ 1) โครงการหรือกิจการที่ทำต้องเป็นโครงการของรัฐหรือโครงการของเอกชน หรือถ้ามีผลกระทบอย่างรุนแรงฯตามมตรานี้แล้ว ต้องจัดทำทั้งโครงการของรัฐและโครงการของเอกชน แต่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 เป็นเรื่องในการดำเนินโครงการของรัฐเท่านั้น แสดงว่าโครงการของเอกชนที่มีลักษณะคล้ายกันไม่ต้องทำประชาพิจารณ์หรืออย่างไรครับ (ข้อ 2) ถ้าโครงการของเอกชนจะต้องทำประชาพิจารณ์แล้วใครจะเป็นผู้จัดทำประชาพิจารณดังกล่าว เจ้าของโครงการหรือ หน่วยงานเทศบาล,อบต. ที่เกี่ยวข้องครับ
อย่างเช่น การขอใบอนุญาตปลูกสร้าง ของห้างดังในเมืองไทย เทศบาล,อบต. บางที่ก็ออกใบอนุญาตให้เลยเพราะแจ้งว่าแบบก่อสร้างที่ขอมาถูกต้องหรือทำทุกอย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522,2535 จึงไม่มีเหตุที่จะไม่ออกใบอนุญาตก่อสร้างให้ แต่บางเทศบาล,อบต.แจ้งว่า การที่จะออกใบอนุญาตก่อสร้างให้ได้นั้น โครงการนั้นต้องผ่านประชาพิจารณ์ก่อน (โครงการมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ) ถึงจะออกใบอนุญาตให้ได้ (ข้อ3) การออกใบอนุญาตก่อสร้าง ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522,2535 ที่เข้าลักษณะการดำเนินโครงการหรือกิจการใดตามมาตรานี้ ต้องจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาติก่อสร้างที่ยื่นคำขอต่อ เทศบาล,อบต.นั้นๆหรือไม่ครับ
วันนี้ขอรบกวนอาจารย์เท่านี้ครับ ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงให้ความรู้ทางด้านกฎหมายแก่ประชาชนและลูกศิษย์ต่อไปนานๆครับ
รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นโครงการของใคร แต่ห้ามไม่ให้ทำถ้าถ้าโครงการนั้นจะมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงในด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ท้องถิ่นจึงอยู่ในข่ายต้องห้ามมิให้อนุญาตให้ใครทำโดยยังไม่ได้มีการศึกษาผลกระทบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ดังนั้นก่อนที่ท้องถิ่นจะอนุญาตจึงต้องตรวจดูว่าได้มีการดำเนินการดังกล่าวแล้วหรือไม่ ถ้ายัง ก็เป็นเรื่องที่จะต้องให้เขาไปทำมาเสียก่อน มิฉะนั้นก็อาจถูกฟ้องร้องตามวรรคสามของมาตรา ๖๗ ได้