เรื่องนี้คงต้องเล่ากันตั้งแต่เริ่มเมื่อปี 2549 สามีเสียมีภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสมีบุตร 2 คน มีทรัพย์สินที่เป็นมรดกคือที่ดิน1แปลงเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 42 ตารางวามีทายาทคือ 1.ปู่ อายุ 85 ปี /2.ย่า อายุ 80 ปี/ 3.หลานสาว 19 ปี และหลานชาย 12 ปี รวมเป็น 4 คน
ปี 2549 ย่าเป็นผู้จัดการมรดก ต่อมาย่าบอกขายที่ดินอ้างว่าเพื่อจะนำเงินมาแบ่งทายาท ทายาทอีก 3 คนทำหน้งสือส่งไปบอกให้แบ่งเป็นที่ดิน(ปู่บอกไม่รับส่วนของตนยกให้หลาน2คน) ย่าเพิกเฉย1 มีนาคม 2550 ปู่ + หลานให้ทนายทำฟ้องเพิกถอนผู้จัดการมรดก ศาลรับคำฟ้อง7 มีนาคม 2550 ย่าได้โอนที่ดินทั้งแปลงใส่ชื่อเป็นของตนเองทั้งหมด(โอนจากผู้จัดการมรดกเป็นของตนเองคนเดียว) 29 พฤษภาคม 2550 ย่ายอมโอนที่ดินให้หลาน คือสองส่วนของที่ดิน ปู่ได้ไปกรมที่ดินด้วยเพื่อจะไปสละสิทธิส่วนของตนให้หลาน ย่าไม่ยอมให้ใครเลยและหนีกลับ เจ้าหน้าที่ได้บอกว่าที่ดินแปลงนี้ได้เป็นของย่าแล้วไม่ใช่เป็นกองมรดกอีกแล้ว ปู่กับหลานจึงรู้ว่ามีการยักยอกทรัพย์เกิดขึ้นแล้ว 7 มิถุนายน 2550 ปู่กับหลานได้ไปแจ้งความให้ตามย่ามาจัดการแบ่งมรดก 15 มิถุนายน 2550 ย่ายอมโอนที่ดินให้หลาน โดยบอกปู่ให้รับรู้ด้วยปู่ไม่ได้ไปกรมที่ดินด้วยและไม่มีการบันทึกอะไรไว้เลย และก็ได้ให้ทนายถอนคำฟ้องเพิกถอนผู้จัดการมรดกออก ที่ย่ายอมโอนที่ให้เพราะย่าได้สอบถามทนายความและผู้รู้อีกหลายคนย่ารู้ถึงความผิดและเวลาขึ้นศาลในคดีเพิกถอนก็มาถึงแล้วลูกสาวของย่าจึงได้มาขอร้องและยอมโอนที่ดินให้หลาน16 สิงหาคม 2552 เริ่มเรื่องใหม่ตอนนี้หลานโดนปู่ฟ้องโดยบรรยายว่าตนเองเป็นทายาทกองมรดกยังไม่ได้รับการแบ่งมรดกและมรดกทั้งหมดอยู่ที่หลานจึงฟ้องหลานให้หลานคืนมรดกทั้งหมดกลับคืนเพื่อจะนำไปแบ่งใหม่ในทายาท 4 คนคือ ปู่ ย่า หลานสาว หลานชาย ในคำฟ้องอ้างว่าหลานได้มรดกมาโดยไม่ถูกกฎหมาย
ตอนที่ย่าโอนที่ดินได้จดทะเบียนที่กรมที่ดินว่าให้หลานเพราะเป็นลูกของลูกชายเพื่อเลี่ยงภาษีลดลงได้นิดหน่อยขอเรียนถามคะ....ว่าปู่สามารถฟ้องเรียกกลับให้เป็นกองมรดกก่อนจะแบ่งได้ไหมคะ และทำไมปู่ไม่ฟ้องย่าซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกคะ ขอบคุณค่ะ