พ่อและพี่ชายถือครองกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินคนละครึ่ง ต่อมาทั้งสองได้นำที่ดินผืนนั้นจำนองไว้กับธนาคาร ระยะเวลาผ่านไป 11 ปี พ่อได้เสียชีวิตลงและได้ทำพินัยกรรมไว้ให้พี่ชายเป็นผู้จัดการมรดกและยกที่ดินในส่วนของพ่อให้กับน้อง 4 คน หลังจากที่พ่อเสียชีวิตพินัยกรรมก็ยังไม่ได้เปิดเลย ต่อมาทายาททั้งหมดได้ทำหนังหนังสือยินยอมให้ดิฉันเป็นผู้จัดการมรดกและศาลได้มีคำสั่งแต่งตั้งเป็นที่เรียบร้อย พี่ชายจึงได้นำพินัยกรรมไปร้องขอให้ศาลถอดถอนดิฉันออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก จึงอยากจะเรียนถามอาจารย์ในส่วนของข้อกฎหมายดังต่อไปนี้ค่ะ
1. พี่ชายทราบอยู่แล้วถึงพินัยกรรมแต่ปกปิดไว้เพราะที่ดินธนาคารกำลังจะประกาศขายทอดตลาด และทายาททุกคนรวมถึงพี่ชายตกลงให้ดิฉันไถ่ถอนจากธนาคาร ถ้าดิฉันทราบว่ามีพินัยกรรมที่ระบุไว้ว่าดิฉันไม่มีมีส่วนได้เสียในพินัยกรรมจะไม่ไถ่ถอน เมื่อไถ่ถอนเสร็จแล้ว ทายาทได้ทำหนังสือยินยอมให้ดิฉันเป็นผู้จัดการมรดก ต่อมาพี่ชายได้นำพินัยกรรมไปร้องคัดค้านต่อศาล กรณีนี้พินัยกรรมบังคับใช้ได้หรือไม่ ถ้าดิฉันร้องขอต่อศาลเพื่อขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการมรดกแล้วสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในส่วนใดได้บ้าง จากใครบ้าง
2. ในส่วนมรดกของพ่อยังมีบ้านพร้อมที่ดินอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมแล้วดิฉันในฐานะผู้จัดการมรดกโอนให้น้องไปเมื่อสามปีที่แล้ว เมื่อดิฉันถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการมรดกแล้วสามารถฟ้องเรียกคืนในส่วนของทายาทผู้มีสิทธิในมรดกได้หรือไม่
ขอบพระคุณอาจารย์มีชัยนะค่ะที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าตอบข้อสงสัยให้แก่ดิฉัน ขอคุณความดีที่อาจาย์ได้กระทำไว้ดลบันดาลให้อาจารย์มีความสุขยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
1. เมื่อคุณไปไถ่ถอนจำนองออกมา คุณก็ย่อมเป็นเจ้าหนี้กองมรดก และสามารถอายัดที่ดินนั้นไว้เพื่อป้องกันมิให้ผู้จัดการมรดกคนใหม่ไปทำอะไรกับที่ดินนั้น
2. เมื่อคุณได้จัดการไปในฐานะผู้จัดการมรดกแล้ว ก็ย่อมใช้ได้ คุณจะไปเรียกคืนไม่ได้ แต่ทายาทคนอื่นที่เขาเสียหายเขาอาจเรียกคืนเอาจากคุณเป็นการทดแทนได้