ผู้จัดการมรดกไม่ทำหน้าที่
เรื่อง ผู้จัดการมรดกไม่ทำหน้าที่
เรียน อาจารย์มีชัยครับ
เนื่องจากบิดาได้เสียชีวิตและมีมรดกอยู่ มีทายาทตามกฏหมายทั้งหมด 5 คน ทายาทคนที่ 1-3(คนที่1-2ทำงานที่สุราฏร์ คนที่3ทำงานที่ กทม.) เกิดจากภรรยาจดทะเบียนและอย่าร้างภายหลัง ส่วนทายาทคนที่ 4-5 (ทำงานที่นครศรีฯ)เกิดจากภรรยาคนต่อมาและจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนภรรยาคนล่าสุด(ไม่ได้ทำงาน)ก็จดทะเบียนด้วยกัน ปัจจุบันทายาทคนที่ 4และภรรยานั้น ศาลได้แต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 และมีทนายจัดการให้
ทายาทคนที่ 1-3 ได้สอบถามไปยังผู้จัดการมรดกก่อนนี้เพราะทราบว่าเป็น ผจก.แล้วว่า ในการเป็นผู้จัดการมรดกนั้นจะต้องทำรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน และจะต้องนำรายการดังกล่าว พร้อมพยานเซ็นต์มาอย่างน้อย 2 คน ซึ่งพยานต้องมีส่วนได้ส่วนเสียในกองมรดก แล้วจึงนำมาแสดงให้ทายาทที่เหลือรับทราบตามหน้าที่ที่ศาลท่านได้แต่งตั้งตามที่กฏหมายได้ระบุไว้ และแนะนำให้ไปปรึกษาทนายดู
ต่อมาทาง ผจก.มรดก ได้แจ้งด้วยวาจาว่ากำลังจะแต่งงานวันที่ 5 มีนาคม 2552 จึงไม่มีเวลาในการดำเนินการ คงต้องเป็นหลังจากแต่งงาน จึงแจ้งให้ทราบว่าก็ให้ดำเนินการไปตามที่กฏหมายได้กำหนดไว้
หลังจากทายาทคนที่ 4 ที่เป็น ผจก.มรดกแต่งงานไปแล้วเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2552 จนกระทั่งวันที่ 10 มีนาคม 2552 ผจก.มรดกได้โทรมานัดเพื่อไปพูดคุยเรื่องการจัดการมรดก จึงสอบถามเรื่องรายการบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ปรากฏว่ายังไม่ได้ดำเนินการใดๆ แค่จะเรียกไปเพื่อจะคุยเท่านั้น ทั้งที่ผจก.มรดกทราบว่าทรัพย์นั้นมีอะไรและอยู่ที่ไหนบ้าง แต่ก็มิได้ดำเนินการทำบัญชี ดำเนินการเพียงไปปิดบัญชีเงินในธนาคารแล้วนำมาเข้าบัญชีร่วมระหว่าง ผจก. ทั้ง 2 คน เอาไว้และนำเงินไปชำระหนี้บางส่วน(แต่แจ้งทายาทว่าไปถอนเงินมาแค่ 120,000 แต่สืบทราบว่าปิดบัญชีไปแล้ว)
คำถามครับ
1.สามารถไปยื่นต่อศาลเพื่อถอดถอนการเป็น ผจก.มรดกได้หรือไม่เพราะ 1 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง แต่พยายามโยกย้ายทรัพย์สินมาไว้กับตัวเองเท่านั้น
2.บ้านของบิดาปัจจุบัน ผจก.มรดก แจ้งว่าทรัพย์สินหายหมด ทั้งรถ สร้อยทอง แหวน พระราคาแพงๆ โฉนดที่ดินทั้งหมด สมุดบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นบ้านที่ทายาทคนที่ 4 และ 5 อาศัยอยู่ ไม่มีคนอื่นอีก จะใช้เป็นเหตุเพื่อชี้ให้ศาลเห็นถึงความเป็นไปได้ในการพยายามโยกย้ายทรัพย์สินของ ผจก.มรดกได้หรือไม่
3.ผจก.มรดกจะนำเงินไปชำระหนี้ให้กับแม่ของสามีที่เพิ่งแต่งงานไป ประมาณ 200,000 บาท โดยอ้างว่าบิดาได้ไปยืมมาถมที่ดินก่อนนี้ แต่ไม่ได้ทำสัญญาใดๆ กันไว้ แต่ทางผมแจ้งไปว่า หากไม่มีเอกสารหลักฐานใดอย่าเพิ่งดำเนินการ เพราะหากนำเงินมรดกไปชำระ ภายหลังอาจต้องชดใช้คืนให้กองมรดกหากส่วนแบ่งน้อยกว่าที่ได้ชำระไป และให้ไปปรึกษาทนายก่อนกระทำการใดๆ
4.ภายหลังหากสืบได้ว่ามีทายาทหรือ ผจก.มรดกยักยอกทรัพย์มรดกและมีหลักฐานสามารถฟ้องร้องเพื่อให้คืนทรัพย์และฟ้องเป็นคดีอาญาได้หรือไม่ครับ
5.ทนายความเป็นญาติกับภรรยาจดทะเบียน ซึ่งเป็น ผจก.มรดก การว่าจ้างเพื่อดำเนินการในการจัดการกับมรดก สามารถเอาทรัพย์ของกองมรดกไปชำระได้ และคิดค่าทนายความแพงมาก ประมาณ 20% ของทรัพย์สินของกองมรดก หลังหักหนี้แล้วนั้น ถามว่าทายาทคนอื่นๆกระทำการใดๆ ในการยับยั้งหรือให้ค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายความของ ผจก.มรดกไม่แพงแบบนี้ มีมาตราฐานของค่าว่าจ้างหรือไม่ครับหรือแล้วแต่ตกลงกัน เพราะการเอาเงินกองมรดกไปชำระก็เท่ากับเอาส่วนที่ทายาทคนอื่นๆไปชำระด้วย
6.ทายาทคนที่ 1-2 ก็ได้จ้างทนายความแต่ต้องชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเองในการสืบทรัพย์และติดตามสอบถาม และตรวจสอบการทำงานของ ผจก.มรดก ในส่วนนี้ต้องออกเองใช่มั้ยครับ
7.เนื่องจากทายาทคนที่1และ2 ทำงานจังหวัดใกล้เคียง ส่วนผมทำงานที่ กทม. จะให้ลาหยุดลงไปบ่อยๆ ก็คงไม่ได้เพราะจะตกงานเอาและมีวันหยุด 1 วัน/สัปดาห์ จึงอยากถามว่า ผมสามารถดำเนินการใดได้บ้างโดยไม่ต้องเดินทางไป เช่นมอบอำนาจให้มารดาดำเนินการแทน
ขอขอบพระคุณครับ
ศราวุฒิ
|