สวัสดีค่ะอาจารย์ หนูได้ส่งคำถามและได้รับคำตอบเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ แต่รายละเอียดของหนูไม่ระบุชัดเจน จึงอาจทำให้คำตอบเคลื่อนไหวไปน่ะคะ คือ รายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้
1. พี่สาวไม่ได้จดทะเบียนกับฝรั่ง แต่ขณะอยู่กินกันฝรั่ง กลัวพี่สาวจะโกงบ้าน ก็เลยไปจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดิน เป็นผู้เช่าซื้อ 30 ปี ซึ่งระบุอยู่หลังโฉนด และโฉนดที่ดินเป็นชื่อพี่สาว และไม่ได้ติดหนี้ธนาคารแต่อย่างใด และพี่สาวได้เสียชีวิตไปแล้ว และพิี่สาวได้ทำพินัยกรรมให้ฝรั่งเป็นผู้จัดการมรดก และบ้านหลังนี้ยกให้ฝรั่ง จากนั้นก็ฝรั่งก็ตรวจพบว่าพี่สาวมีหนี้สินประมาณล้านกว่าบาท แต่มูลค่าบ้านที่อยู่ประมาณ สี่ล้านบาท ด้วยความกลัวและงก ฝรั่งจึงบอกว่าจะให้มารดาเป็นผู้จัดการมรดกแทน และอีกอย่างมีทนายได้แนะนำฝรั่งว่า เค้าอาจจะระบุในพินัยกรรมว่า เป็นผู้รับมรดกก็จริง แต่เค้าไม่มีสิทธิ์ครอบครองหรือถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ เป็นเพียงผู้เช่าซื้อเท่านั้น เพราะเค้าไม่ได้ถือสัญชาติไทย และไม่ได้วีซ่าถาวรจากประเทศไทย จึงได้ให้มารดาของพี่สาวไปยื่นเป็นผู้จัดการมรดกแทน และได้รับใบจากศาลเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ไปเปลี่ยนชื่อหน้าโฉนด เพราะยังไม่มีเวลา ในขณะเดียวกันฝรั่งยังอาศัยอยู่ในบ้านนี้ และได้มีภรรยาใหม่ แต่ไม่จดทะเบียนสมรส แต่มี เพื่อนที่รู้จัก ก็โทรมาบอกว่า นายฝรั่งคนนี้ได้นำพินัยกรรมนี้ไปยื่นทำการโอนสิทธิ์ ให้กับภรรยาคนใหม่ และสำนักงานที่ดินได้ติดประกาศแล้วประมาณ 10 วัน คำถามคือ
1. นายฝรั่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับพี่สาวแต่อย่างใด และไม่มีสัญชาติไทย และเป็นผู้รับมรดก และผู้จัดการมรดก และ ฝรั่งไม่ได้ไปยื่นเป็นผู้จัดการมรดกที่ศาล ฝรั่งสามารถที่จะไปที่สำนักงานที่ดินเลย หรือไม่ และจะทำการโอนให้ผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และทางสำนักงานที่ดินได้เริ่มติดประกาศ และอีกอย่างคือ พินัยกรรม มีแต่สำเนา แต่ฝรั่งเอาพยานไปที่สำนักงานที่ดิน เพื่อรับรองลายเซ็นต์ อย่างนี้ฝรั่งทำถูกต้องหรือไม่
ในขณะเดียวกันมารดาได้รับใบผู้จัดการมรดกจากศาลเรียบร้อยแล้ว อย่างนี้มารดาต้องทำอย่างไรค่ะ เราควรไปเพิกถอนการเป็นผู้จัดการมรดก หรือว่า ไปยื่นอายัดทรัพย์ที่สำนักงานที่ดิน ไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ