ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    033671 การแบ่งมรดกน.ส.พรพิไล15 กุมภาพันธ์ 2552

    คำถาม
    การแบ่งมรดก

    ถึงอาจารย์มีชัย ที่เคารพ

    รบกวนสอบถามครับเนื่องจากไม่ทราบว่าจะไปพึ่งใครแล้วครับ และไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ (จะจ้างทนายก็ไม่มีเงินครับ)

    เรื่องคือ คุณพ่อเสียชีวิตเมื่อเดือนตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา มีลูกทั้งหมด 5 คน โดย3 คนแรกลูกจากแม่คนแรกที่หย่ากันไปนาน (ไปอยู่กับแม่ทั้งหมดตั้งแต่หย่า) อีก 2 คน จากแม่คนที่ 2 เสียชีวิตไปนานแล้ว (1คนอยู่กับพ่อ อีกคนทำงาน กทม) และมีภรรยาจดทะเบียน 1 คน ไม่ได้อยู่บ้านพ่อ (อยู่บ้านของตัวเอง) ไม่มีลูกด้วยกัน

    ต่อมาลูก 2 คนของแม่คนที่สองและภรรยาจดทะเบียนไปยื่นเป็นผู้จัดการมรดกและศาลได้แต่งตั้งเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ทางลูก 3 คนแรกได้สอบถามไปยังผู้จัดการมรดกว่าทรัพย์สินมีอะไรบ้าง เพราะที่ทราบคือมีบ้าน 2 หลัง ,เงินในบัญชีธนาคาร, ที่ดิน, รถยนต์, อื่นๆ

    ต่อมาทราบว่าข้าวของภายในบ้าน เช่นพระ, รถยนต์, สร้อยคอทองคำ,ปืน 2 กระบอก, แหวน,โฉนดที่ดิน, สมุดบัญชีธนาคาร ลูกคนที่ 4 ที่อยู่บ้านเดียวกับพ่อแจ้งว่าในบ้านไม่มีหายหมดเลย (ปกติเวลาผมไปเยี่ยมพ่อ พ่อก็จะเอามาให้ดู เพราะจะเก็บไว้ในห้องซึ่งล๊อคกุญแจ สงสัยว่าลูกคนที่ 4 จะเอาไปซ่อนไว้แต่ไม่มีหลักฐานครับ)

    ถามว่า

    1.จะทำอย่างไรให้ผู้จัดการมรดกแจ้งทรัพย์สินของพ่อทั้งหมดก่อนแบ่ง เพราะสอบถามไปแล้วบอกว่าไม่รู้ และกำลังดำเนินการ

    2.เรื่องโฉนดที่ดิน เป็นมรดกที่ได้มาจากย่าทั้งหมด ปัจจุบันเป็นชื่อพ่อ ผู้จัดการมรดกจะต้องทำอย่างไร และทายาทคนอื่นๆ ที่ไม่รู้เพราะไม่ได้รับแจ้งจะทำอย่างไรต่อ หาก ผจก.เอาไปขายแล้วเอาเงินมาแบ่งเท่าๆ กัน (ไปขายถูกๆ) ทายาทไม่ยอมจะดำเนินการฟ้องร้องได้อย่างไร (ขายตำกว่าราคาประเมิณ)

    3. เงินสดในธนาคารผู้จัดการมรดกจะทำอย่างไร เพื่อให้ผู้จัดการมรดกเปิดเผยและทายาทในการดำเนินการต่อไปก่อนถอนเงิน หากจะแบ่งให้จะรู้ได้อย่างไรว่าแบ่งโดยเท่าเทียมกัน หากทายาทขอดูจำนวนเงินทั้งหมดในบัญชี แต่ ผจก.ไม่เปิดเผย ทายาทจะฟ้องร้องได้อย่างไร

    4. บ้านซึ่งเป็นชื่อพ่อสร้างจากเงินที่ขายที่ดินที่เป็นมรดกของย่า เป็นสินส่วนตัวใช่หรือไม่ หากผู้จัดการมรดกไปโอนให้ลูกคนที่ 4 โดยไม่สอบถามทายาทคนอื่น ผิดหรือไม่ ทายาทคนอื่นจะฟ้องดำเนินการอย่างไรต่อไป

    5. ทรัพย์สินส่วนตัวที่หายไปทั้งหมด หาก ผจก.แจ้งว่าสืบไม่ได้ ทายาทคนอื่นๆจะดำเนินการอย่าไรได้บ้างครับ (ส่วนเรื่องรถยนต์ ยังจะพอสืบได้ครับ)

    6. ทั้ง 5 ข้อ นั้น การกระทำใดของ ผจก.มรดก เข้าข่ายไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัตหน้าที่โดย (ผิดกฏหมาย) บ้างครับ.

    *ทั้งหมดที่ถามไป เพราะคุยกับลูกคนที่ 4 แล้ว แต่บอกว่าพ่อมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ที่จับพิรุจได้ก่อนแต่งตั้ง ผจก.มรดก มี 2 เรื่องคือ เงินฌาปนกิจศพ และเงินกองทุนหมู่บ้าน พ่อได้ไปฝากไว้ ทราบว่าลูกคนที่ 4 พยายามไปเบิกแต่ไม่ได้ เพราะพ่อระบุว่าให้ผมไว้

    **ดังนั้นชัดเจนว่าส่วนที่พ่อไม่ได้ระบุว่าให้ใคร แต่ลูกคนที่ 4 รู้ว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง อีกทั้งได้เป็นผู้จัดการมรดก จึงเป็นไปได้ว่าจะไปขายที่ดินส่วนที่ทายาทคนอื่นไม่รู้, ถอนเงินในธนาคารในส่วนที่คนอื่นไม่รู้นั้น มีความผิดแน่ๆ จะฟ้องให้กฏหมายลงโทษได้อย่างไร (ถึงตอนนั้นไม่คิดเรื่องทรัพย์สินแล้วครับ เพราะเจตนาไม่ดีกับพี่น้อง)

    ***เห็นได้เลยว่า ทายาทคนอื่นจะไม่รู้เลย ถ้า ผจก. ไม่แจ้งให้ทราบ แต่หากทราบว่า ผจก. ทำไม่ถูกต้องฟ้องร้องถอนได้ แต่จะเอาผิดและยึดทรัพย์คืนได้หรือไม่ครับ อีกอย่างเขาจ้างทนายส่วนตัวไว้แล้วซึ่งเป็นคนรู้จักและสนิทกับลูกคนที่ 4 และถรรยาคนล่าสุดของพ่อ ค่าใช้จ่ายก็คงต้องใช้เงินมรดกใช่มั้ยครับ เพราะได้ยินมาว่าจ้างแพงมาก โดยจะคิด 20% ของเงินมรดก แบบนี้ ผจก. มรดกทำได้ด้วยหรือครับ เพราะเงินในธนาคารก็ 4 ล้านกว่าบาทเข้าไปแล้ว

    ขอบคุณอาจารย์มากครับ

    น.ส.พรพิไล

    คำตอบ

    การที่บุคคลหนึ่งตายไป ทรัพย์สินของผู้ตายย่อมตกได้แก่คู่สมรสและบุตร แต่คู่สมรสนั้นต้องจดทะเบียนสมรส และบุตรนั้นต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย  คือเป็นบุตรที่เกิดจากคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสกัน หรือแม้ไม่จดทะเบียนสมรสกันแต่บิดาได้จดทะเบียนรับรองบุตร (ไม่ใช่รับรองโดยเพียงการแจ้งชื่อว่าตนเป็นพ่อ)  คำถามที่ถามมาไม่ชัดเจนว่า บุตรแต่ละคนได้รับการจดทะเบียนรับรองบุตรหรือไม่ หรือมีมารดาที่จดทะเบียนสมรสกับผู้ตายหรือไม่    แต่คำตอบที่จะตอบต่อไปนี้อยู่บนสมมุติฐานว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย  ถ้าบังเอิญไม่ใช่ คำตอบนั้นก็อาจใช้ไม่ได้

    1. ในการจัดการมรดกผู้จัดการจะต้องรวบรวมทรัพย์และแจ้งให้ทายาททุกคนทราบ ถ้าเขาปกปิด ทายาทก็สามารถไปร้องขอต่อศาลเพื่อให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกได้

    2. เขาก็ต้องแบ่งไปตามสิทธิของทายาท ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องขายที่ดินนั้นแล้วนำเงินมาแบ่งปันกัน

    3 ถ้าเขาแบ่งไม่เท่ากัน ทายาทก็มีสิทธิไปฟ้องร้องขอส่งแบ่งของตนเพิ่มขึ้น และสามารถเอาผิดกับผู้จัดการมรดกได้ ส่วนที่ว่าจะรู้ได้อย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องที่ทายาทจะต้องขวนขวายให้รู้ความจริงถ้ายังไม่รู้ความจริงก็ยังไม่ควรไปกล่าวหาเขา

    4. เป็นสินส่วนตัว และต้องแบ่งให้ทายาทตามสิทธิของทายาท

    5. ก็ต้องสืบเอาให้ได้ความเสียก่อนที่จะกล่าวหาเขา

    6. ถ้าเขายักย้ายมรดก (เอาไปเป็นของตนเอง) หรือแบ่งไม่เป็นไปตามสิทธิของทายาท ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการทำผิดหน้าที่ผู้จัดการมรดก

    ในการถามคำถามนั้น ต้องบอกความจริง มิฉะนั้นคนตอบก็ย่อมตอบได้ยาก หรือถึงตอบไปก็ใช้ไม่ได้ เพราะถ้าความจริงเป็นคนละอย่าง คำตอบก็จะผิด  เวลาถามน่ะ คนตอบไม่สนใจว่าเป็นใครถาม หน้าตาเป็นอย่างไร เพราะตอบไปตามข้อเท็จจริง หากจะปกปิดข้อเท็จจริง ก็ย่อมเสียเวลาในการถามและตอบเปล่า ๆ ขนาดจะเป็นผู้หญิงหรือชายยังจะปกปิด ก็แย่แล้ว ในขณะที่ใช้ชื่อ น.ส. แต่ใช้ว่า "ผม"


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    15 กุมภาพันธ์ 2552