เรียน ท่านมีชัย
ดิฉันมีเรื่องกลุ่มใจเกี่ยวกับเรื่องมรดกตกทอดของบิดาที่เสียชีวิตตั้งแต่ปี 2542 จนปัจจุบัน 10 ปีแล้ว ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ปีที่ผ่านมาลูกเขยคนสุดท้องได้นำสังหาริมทรัพย์บางอย่างไปใช้โดยอ้างว่ามารดาของดิฉันได้อนุญาตให้นำไปใช้ได้ ซึ่งเป็นไม้เคี่ยม เสาเรือนไม้เคี่ยม อื่นๆ อีกหลายรายการ ที่ดินก็เช่นเดียวกันได้กล่าวอ้างว่ามารดายกให้ และก็ได้ทำการปลูกสร้างบ้านเป็นเรือนเล็ก 1 หลัง และเทคาน เทพื้น สำหรับบ้านใหญ่อีกหนึ่งหลัง ซึ่งบ้านที่สร้างทั้ง 2 หลังอยู่บนโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง แต่เป็นคนละใบกัน จึงเกิดเรื่องราวกันขึ้น เพราะมีพี่น้องทั้งหมดรวม 4 คน เป็นลูกร่วมมารดา บิดาเดียวกันทั้ง 4 ไม่มีลูกนอกสมรส ไม่มีภรรยานอกทะเบียน เพราะน้องคนสุดท้องถือว่ามารดายกให้แล้วก็เข้าไปทำกิจกรรมในที่ดินแปลงนั้น ทั้งๆ ที่ยังเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของบิดาที่ยังไม่จัดสรรถูกต้องตามกฎหมาย ยังมีอีกแปลงเป็นที่ปลูกบ้านแต่ดั้งแต่เดิมที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของบิดาเช่นกัน มีมารดาและน้องชายอาศัยอยู่รวมกันก็มีปัญหาในเรื่องบ้านและที่ดินจะเป็นของใคร จึงรบกวนจะถามท่านว่าแนวโน้ม หรือคำแนะนำจากท่านจะเป็นอย่างไร ทายาททั้ง 4 คน มารดาอีก 1 จะแบ่งมรดกกันอย่างไร ปัจจุบันมารดาจะขอตั้งตัวเป็นผู้รับมรดก แล้วผู้รับมรดกกับผู้จัดการมรดกมันแตกต่างกันอย่างไร ในกรณีนี้ ท่านคิดว่าเราจะมีวิธีการแบ่งสันปันส่วนมรดกกันอย่างไร เพราะเกือบจะ 10 ปีแล้วที่บิดาท่านได้เสียชีวิตไป เพราะเรากลัวว่าเป็นทายาทจะไม่มีกรรมสิทธิ์เข้าไปดำเนินการหรือขอทำกิจกรรมในมรดกเหล่านั้น ปัจจุบันดิฉันอายุ 35 ปี น้องคนสุดน้อง 28 ปี ทุกคนก็บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้วค่ะ
เรียน คุณจิตรลดา
พูดคุยกับมารดาให้เข้าใจเพื่อให้ท่านดำเนินการแบ่งมรดกเสีย หรือมิฉะนั้นก็ร่วมกันกับพี่น้องไปร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก แล้วแบ่งทรัพย์สินให้ทายาทต่อไป แต่อย่าลืมว่าถ้าที่ดินมรดกนั้นเป็นสินสมรส ครึ่งหนึ่งจะเป็นของมารดา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจึงแบ่งกันระหว่างลูกทุกคนกับมารดา คนละเท่า ๆ กัน ว่าง ๆ ก็ลองเข้าไปอ่านในหัวข้อ "มรดก" ดูบ้าง บางทีจะได้ความรู้พอที่จะเข้าใจได้ว่าจะต้องแบ่งกันอย่างไร