หนูขอเล่าเรื่องราวเลยนะคะ คือ ครอบครัวของหนูเป็นครอบครัวใหญ่มีสมาชิก 9 คน คือ พ่อ แม่ ปู่ ย่า อา หนู และน้อง ๆ อีก 3 คน พ่อหนูเสียได้ประมาณ 8 ปีที่แล้ว ต่อมาอีก 3 ปี ย่าก็เสีย อาของมีครอบครัวแล้วแยกออกไปอยู่ต่างจังหวัด ส่วนหนูและน้องก็ทำงานกันหมดแล้วอยู่ต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ ตอนเด็กๆ หนูก็สงสัยว่าทำไมพ่อกับปู่นามสกุลไม่เหมือนกัน เพิ่งมารู้และเข้าใจตอนที่โต ย่าเล่าให้ฟังว่า ปู่กับย่าแต่งงานกันตั้งแต่พ่อหนูอายุได้ 4 ขวบและคงมีเหตุผลบางประการที่ไม่เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของปู่ และย่าของหนูก็ได้เอาลูกของน้องชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมซึ่งได้ใช้นามสกุลปู่ด้วย (อาของหนูนี่เอง) มาถึงตอนนี้ขอเข้าเรื่องเลยนะคะเพราะเอ่ยถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว เมื่อย่าของหนูเสีย ที่บ้านก็เหลือแต่ ปู่กับแม่ อีกสามเดือนหลังจากที่ย่าเสีย ปู่ก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่อายุรุ่นลูกเลย ปู่อายุ 75 ภรรยาใหม่ก็ประมาณ สี่สิบกว่า หลังจากภรรยาคนใหม่ของปู่มาอยู่ได้ไม่นานก็ทะเลาะกันกับแม่หนู สรุปแล้วแม่หนูก็อยู่ไม่ได้จำเป็นต้องไปอยู่ที่สวนของแม่ที่ซื้อไว้นานแล้ว ปู่กับภรรยาใหม่ก็จดทะเบียนสมรสเรียบร้อย ลืมบอกไปว่าบ้านและที่ดินที่อยู่ทุกวันนี้เป็นเงินที่ย่าซื้อมา แต่ย่าให้ปู่เป็นคนจัดการในเรื่องเอกสารโฉนดที่ดิน กลายเป็นว่าบ้านและที่ดินตามโฉนดเป็นชื่อของปู่คนเดียว ถ้าย่ายังไม่เสียก็คงไม่มีปัญหา แต่ย่าเสียไปแล้วปัญหาตามมามากมายหลายอย่าง ปู่ของหนูจากคนที่เคยมีเงินเก็บ มีเงินบำหนาญ พอแต่งงานกลายเป็นคนมีหนี้สินพะรุงพะรังจากภรรยาใหม่และพี่ ๆ น้อง ๆ และลูก ๆ ของภรรยาใหม่ ช่วยกันใช้ช่วยกันผลาญเหลือเกิน สุดท้ายก็มีหนี้สินนอกระบบ ก็เลยเอาโฉนดบ้านและที่ดินไปจำนองไว้ โดยทำสัญญาจดจำนองกับที่ดินจังหวัดแบบถูกต้องเลย นาน ๆ ไปก็ส่งดอกเบี้ยไม่ไหว ขาดส่ง 4 เดือน ถ้าเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกันก็หลุดจำนองไปแล้ว ปู่ของหนูคงไม่รู้จะทำยังไงก็เลยถามขายให้หนูซึ่งเป็นหลานในราคาหกแสนบาท และหนูก็พอจะมีกำลังอยู่บ้างก็ซื้อไว้โดยโอนโฉนดที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของหนูเรียบร้อยแล้วด้วย แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมาปู่ของหนูเพิ่งเสียไป ปู่อยู่กินกับภรรยาใหม่ได้ 5 ปี ภรรยาใหม่ของปู่เขาไปพูดให้ชาวบ้านฟังว่าหนูจ่ายเงินไม่ครบขาดไปอีกสามแสนบาท ซึ่งความจริงไม่ใช่เลยหนูมีหลักฐานทุกอย่าง ตั้งแต่ไถ่ถอนและโอนเงินที่เหลือเข้าบัญชีปู่จนครบหกแสนบาท หนูไม่รู้ปู่ไปพูดกับภรรยาเขาว่าขายเท่าไหร่กันแน่ แต่ปู่เขาตกลงขายให้หนูโดยผ่านน้องชายหนูว่าหกแสนบาท น้องชายหนูบอกว่าถามย้ำหลายครั้งว่าหกแสนแน่นะ ปู่บอกหกแสนชัวร์ จ่ายตังค์แล้วโอนกันเลย ซึ่งวันที่ไปโอนที่สำนังานที่ดินไปกันหลายคนด้วย หนูขอถามอาจารย์เป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ภรรยาของปู่ที่อยู่ด้วยกันมา 5 ปี ตามกฎหมายเขามีสิทธิ์ในบ้านและที่ดินหรือไม่ เพราะเขาขู่ว่าถ้าไม่จ่ายเงินที่ค้างก็จะรื้อบ้านไปปลูกที่บ้านของเขา
2. ภรรยาของปู่เขามีชื่อในทะเบียนบ้านในบ้านหลังนี้ ซึ่งปู่เป็นเจ้าบ้าน และหนูกับน้องๆ เป็นผู้อาศัย หนูจะทำยังไงดีคะอยากจะเอาชื่อเขาย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไป และตอนนี้หนูมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านและที่ดินผืนนี้
3. ถ้าหากภรรยาของปู่เขาไม่ยอมย้ายออกไป หนูจะทำอย่างไรดีเพราะเขาคงเล่นแง่ไม่ย้ายออกไปง่าย ๆ แน่นอน
ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยแนะนำทางออกให้หนูด้วย ตอนนี้กังวลมากเลยคะ
ด้วยความเคารพนับถืออย่างสูง
1. เมื่อบ้านและที่ดินเป็นทรัพย์ที่ปู่มีมาก่อนที่จะจดทะเบียนสมรสกับภรรยาใหม่ จึงเป็นสินส่วนตัวของปู่ เมื่อปู่ขายไปก่อนที่จะตาย ภรรยาคนใหม่ก็ไม่มีสิทธิอะไรในบ้านและที่ดินนั้นอีก
2.-3 เมื่อปู่ในฐานะเจ้าบ้านตายแล้ว คุณก็ไปแจ้งนายทะเบียนให้เปลี่ยนเป็นคุณเป็ฯเจ้าบ้าน แล้วคุณก็แจ้งให้เขาย้ายออกไป ถ้าเขาไม่ยอมย้ายออกไปคุณก็ไปแจ้งย้ายชื่อเขาไปไว้ในทะเบียนกลางได้