เรียน ท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพ
ขอเรียนถามว่า
1. กรณีมีเหตุยิงกันตายในท้องที่หนึ่ง เจ้าพนักงานตำรวจผู้พบเห็นเหตุการณ์ได้ไล่ติดตามคนร้ายไปอย่างกระชั้นชิดและเกิดการยิงต่อสู้กับคนร้ายในอีกท้องที่หนึ่ง (ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต) ถามว่า สามารถรวมสำนวนทั้งสองคดีให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่เกิดการยิงต่อสู้กับคนร้ายเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้หรือไม่
2. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 237 บัญญัติว่า "ในคดีอาญาการจับและคุมขังบุคคลใดจะกระทำมิได้ เว้นแต่จะมีคำสั่งหรือหมายของศาล ฯลฯ " หมายความว่า ถ้าจะจับอย่างเดีียวโดยไม่มีการควบคุมตัวผู้ถูกจับ กรณียังไม่มีคำสั่งหรือหมายของศาล สามารถกระทำได้ใช่หรือไม่ ตัวอย่างเช่น เมื่อพบตัวผู้กระทำผิดกรณีมิใช่เหตุซึ่งหน้าเจ้าพนักงานตำรวจสามารถแจ้งข้อหาให้ทราบและทำบันทึกการจับกุมได้ตามปกติ แล้วแจ้งให้ผู้ต้องหาไปพบพนักงานสอบสวนเองหรือหากผู้ต้องหาจะสมัครใจไปพบพนักงานสอบสวนพร้อมกับเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมก็ได้ เมื่อพนักงานสอบสวนได้รับตัวผู้ต้องหาไว้แล้วก็ปฏิบัติตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 134 แล้วให้ผู้ต้องหากลับไปโดยไม่มีการควบคุม การปฏิบัติเช่นว่านี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ทั้งในส่วนของการจับกุมและการสอบสวน
3. สืบเนื่องจากข้อ 2. กรณีผู้่ต้องหาเข้าพบพนักงานสอบสวนเองหรือมาตามหมายเรียก โดยยังไม่มีคำสั่งหรือหมายของศาลให้จับและควบคุมตัว พนักงานสอบสวนเพียงปฏิบัติตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 134 แล้วให้ผู้ต้องหากลับไปโดยไม่มีการควบคุม โดยไม่จำต้องแจ้งสิทธิแก่ผู้ต้องหาตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 7 ทวิ (เดิม) ใช่หรือไม่ เพราะตามรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 239 วรรคท้าย บัญญัติให้ต้องแจ้งสิทธิเฉพาะแก่บุคคลผู้ถูกควบคุม คุมขัง หรือจำคุก เท่านั้น
ขอขอบพระคุณอย่างสูง
เรียน พนักงานสอบสวน
1. ถ้าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายข้อยกเว้นในการดำเนินการนอกเขตอำนาจของตน (ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจฯ) การดำเนินการดังกล่าวก็สามารถรวบรวมเข้าเป็นสำนวนให้พนักงานสอบสวนเจ้าของท้องที่ดำเนินการต่อไปได้
2. ถ้าไม่มีหมายและไม่ใช่มีเหตุที่จะจับได้โดยไม่มีหมาย ก็จับไม่ได้ แต่ถ้าผู้ต้องหามาหาตำรวจเองและยินยอมให้ถ้อยคำ ก็ใช้ได้
3. การได้รับการแจ้งสิทธิเป็นสิทฺธิพื้นฐานของบุคคล ดังนั้นเมื่อจะใช้คำให้การของเขามาเป็นผลร้ายต่อเขา ก็ต้องแจ้งสิทธิให้เขาทราบก่อนที่เขาจะให้การโดยเฉพาะในฐานะผู้ต้องหา