ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    012088 ปัญหาทุจริตที่พบหลังจากปรับโครงสร้างหนี้กับบสท.Anurak J8 ตุลาคม 2547

    คำถาม
    ปัญหาทุจริตที่พบหลังจากปรับโครงสร้างหนี้กับบสท.
    กราบเรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพ เมื่อปีที่ผ่านมาผมได้รบกวนอาจารย์เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ของกิจการที่มีต่อบสท. จนกระทั่งสำเร็จลุล่วงและได้เซ็นสัญญาและผ่อนชำระค่างวดมาได้ 10 เดือนแล้ว ขณะนี้กิจการค่อยๆฟื้นตัวขึ้นและการกู้เงินธนาคารที่ได้เคยเรียนปรึกษาก้มีความคืบหน้าอย่างมาก ล่าสุดการตรวจหลักประกันและการตรวจสอบเครดิตของผู้กู้และผู้ค้ำผ่านไปด้วยดี โดยผมซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการอยู่ในฐานะผู้ค้ำประกันเงินกู้ก้อนดังกล่าว อาจารย์ครับ สิ่งที่ผมพบต่อมาก็คือความจริงที่ว่าผมถูกเชิดให้เป็นกรรมการผู้จัดการเพียงเพื่อมีหน้าที่ในการกู้เงินให้บริษัทเท่านั้น โดยผมไม่มีส่วนร่วมในการบริหารเงินของโรงแรมเลย และถูกจำกัดบทบาทในบริษัทอย่างยิ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมเข้าใจและยอมรับได้ เนื่องจากเข้าใจธรรมชาติของผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งยังเป็นผู้บริหารตัวจริงและที่สำคัญเป็นบุพการีของผมเอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ สำนักตรวจสอบบัญชีของบริษัทตรวจพบการทุจริต ยักยอกรายได้ของโรงแรมจำนวนมาก และเมื่อสาวลึกลงไปพบว่าเกิดจากญาติซึ่งทำงานอยู่ในองค์กรนี้มานาน และกระทำมานานนับสิบๆ ปีจนกลายเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากได้รับการปกป้องจากผู้ใหญ่ในการปกปิด บิดเบือนข้อเท็จจริงทั้งต่อเครือญาติ และผู้ถือหุ้นตลอดเวลานับสิบกว่าปี ในโรงแรมมีข้อสันนิษฐานนี้มาตลอดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบว่ามีการทุจริตแน่ชัดจากสนง.ตรวจสอบบัญชี ผมได้ปรึกษาเพื่อนที่เป็นตำรวจ และได้รับคำแนะนำให้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน( โดยไม่ได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดี ) เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแก้ปัญหากันภายในโดยที่ให้ผู้บริหารที่ยักยอกฉ้อโกง นำเงินมาคืนบริษัทและลาออกไปเอง เพื่อให้มีการเกิดความชัดเจนและโปร่งใสในการบริหารบัญชีการเงินในต่อไป จะได้กู้เงินมาปรับปรุงกิจการได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงว่าจะเกิดการรั่วไหลอีกต่อไป แต่ขณะนี้ สิ่งที่ผมกังวลคือผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทแทนที่จะแสดงความรับผิดชอบหรืออย่างน้อยวางตัวเป็นกลาง กลับแสดงท่าทีที่ปกป้อง พยายามกลับถูกเป็นผิด กลับผิดเป็นถูก โดยเรียกพนักงานอาวุโสของบริษัทไปพบและแจ้งว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้ส่งให้ผู้ใหญ่ท่านดังกล่าวแล้ว ( ซึ่งก็เกิดคำถามต่อมาว่าแล้วผู้ใหญ่ได้ส่งเงินต่อเข้าบริษัทหรือไม่ ) และได้ยุให้ผู้บริหารที่ถูกแจ้งความหาทนายมาสู้และฟ้องร้องผมกลับข้อหาแจ้งความเท็จ ?!? สิ่งเหล่านี้ฟังดูเหมือนเหลวไหลและไร้เหตุผล แต่เป็นเรื่องจริงที่ทนกันมานานสิบปี บริหารกันจนหนี้สินท่วมบริษัทกลายเป็น NPL ได้รับโอกาสในการฟื้นกิจการจากบสท.แทนที่จะรีบแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดกลับพยายามตะแบง ดื้อรั้นทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตลอด โดยคิดอยู่อย่างเดียวว่านี่คือกิจการของเถ้าแก่ และเถ้าแก่จะทำอะไรก็ได้ โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อกรรมการที่เหลือ ผู้ถือหุ้นรายอื่น และคนรุ่นหลังที่จะต้องมาแบกภาระหนี้สินที่จะต้องกู้มาอีกจำนวนมาก ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้วนเวียนอยู่ในจิตใจ และสร้างความกังวลให้ผมตลอดมา เนื่องจากหากทำอะไรหักหาญจนเกินไปก็เกรงจะกระทบถึงสุขภาพของผู้ใหญ่ท่านนั้นซึ่งขณะนี้อายุ 69 แล้ว และมีปัญหาสุขภาพทั้งโรคความดัน เบาหวาน กระดูกขา ( ไม่สามารถเดินได้ถนัดเหมือนคนปกติ ) การควบคุมอารมณ์ ฯลฯ โดยเกรงว่าหากดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดลงไปจะกระทบต่อสุขภาพและจิตใจ เนื่องจากหลายปีก่อนเคยเป็นอัมพฤกษ์เนื่องจากเส้นเลือดฝอยในสมองแตก และขณะนี้สุขภาพทรุดโทรมแต่ไม่สามารถทำใจให้ปล่อยวางได้ ฯลฯ สิ่งที่ผมใคร่เรียนถามอาจารย์ขณะนี้คือการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ผมควรจะดำเนินการอย่างไรครับ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ ( ที่ถูกเชิดให้ไปกู้เงินและค้ำประกันหนี้สินเพื่อมาใช้จ่ายในองค์กรที่เต็มไปด้วยความทุจริตและไม่มีการแก้ไข ) ผมควรจะเดินหน้าดำเนินคดีต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาของบริษัทตามหน้าที่ของผมโดยยึดความถูกต้องและประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก หรือควรที่จะหยุดเรื่องนี้ โดยสำนึกของความเป็นลูกที่ดี ที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของบุพการีและไม่ทำให้ท่านเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยลงไปมากกว่านี้ เนื่องจากหากเกิดล้มขึ้นมา ผมคงไม่แคล้วที่จะถูกญาติพี่น้อง และสังคมรุมประณามว่าเป็นสาเหตุ โดยที่คงไม่มีใครสรรเสริญผมว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ได้โปรดกรุณาแนะนำ ชี้แนะทางสว่างให้กับผมด้วยครับ
    คำตอบ
    เรียน Anurak J. ในฐานะเป็นกรรมการผู้จัดการ คุณมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาประโยชน์ของบริษัท หากพบว่ามีการทุจริต ก็ต้องดำเนินการเพื่อแก้ไขและเรียกเงินคืน ถ้าผู้ถือหุ้นเข้ามาก้าวก่าย คุณก็ต้องจัดประชุมกรรมการและรายงานเรื่องนี้ให้กรรมการรับรู้ พร้อมทั้งดำเนินการให้มีการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น รายงานให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นพิจารณา หากที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นมีมติอย่างไร ก็ดำเนินการไปตามนั้น ในภายหน้าหากเกิดความเสียหายอย่างไร อย่างน้อยคุณจะได้ปฏิเสธความรับผิดในทางอาญาได้ หากมติของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเป็นไปในทางที่ขัดต่อกฎหมาย ผู้ถือหุ้นฝ่ายข้างน้อยก็อาจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ หากปล่อยเรื่องไว้ด้วยความเกรงใจ วันข้างหน้าคุณจะหนีไม่พ้นความรับผิด มีชัย ฤชุพันธุ์ 30 ก.ย. 2547
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    8 ตุลาคม 2547