เรียน คุณมีชัย

ดิฉัน ข้องใจมากกับการที่คุณให้ บุคคลซึ่งไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชนส่วนใหญ่ เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงานร่างกม. ในขณะที่คุณไม่ยอมให้คุณแก้วสรรแลคุณนาม เข้ามาทำงานตามที่กกต.เสนอ ด้วยเหตุผลว่า ระดับหน้าที่งานไม่ถึงและอายุเกิน โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมในเรื่องจริยธรรมและความสามารถของทั้งสองท่าน และเสียงสนับสนุนของประชาชน

หวังว่าคงได้รับคำตอบที่กระจ่างนะคะ อย่านิ่งเฉยเหมือนอดีตนายกทักษิณ

เรียน คนลาดพร้าว

    เอาเถอะจะข้องใจอย่างไรก็ข้องใจไป เป็นสิทธิของคุณอยู่แล้ว  แต่กรณีเรื่องของคุณนามและคุณแก้วสรรนั้นเห็นจะต้องจำเป็นต้องชี้แจงให้เข้าใจ เพราะอันที่จริงผมเองแหละที่ติดต่อไปที่ศาลยุติธรรม เพื่อขอทราบว่า บุคคลทั้ง ๑๐ คน (ซึ่งมีคุณนามและคุณแก้วสรรรวมอยู่ด้วย) ที่ศาลเคยคัดเลือกส่งไปให้วุฒิสภาเลือกให้เหลือ ๕ คนนั้น หากจะนำมาเป็น กรรมการ ปปช.แต่ละคนจะขัดข้องหรือไม่ ซึ่งต่อมาก็ได้รับคำตอบว่าทุกท่านไม่ขัดข้อง

      ต่อมาได้รับแจ้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า ขณะนี้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นค้างคาอยู่ บ้างก็กำลังจะเลือก บ้างก็เลือกไปแล้วแต่ยังไม่ได้ประกาศผล  จำเป็นต้องมี กกต.กลับมาทำงาน จึงจำเป็นต้องรื้อฟื้นกฎหมายคณะกรรมการเลือกตึ้งขึ้นมาและแต่งตั้งคณะกรรมการ กกต.ขึ้นใหม่  เมื่อจะตั้ง กกต.ขึ้นใหม่ ผมก็คิดว่าคงไม่สามารถไปหาที่ไหนมาได้  และในเมื่อวุฒิสภาได้คัดเลือกจำนวน ๕ คนไว้และประชาชนก็ชอบใจอยู่แล้ว ถ้าตั้งทั้ง ๕ คนนั้นให้เป็น กกต. ก็น่าจะสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือฝ่าย ๕ คน และงานของ กกต.  จึงได้มีการประกาศของคณะปฏิรูปฯ ตั้งคนทั้ง ๕ คนดังกล่าวให้เป็น กกต.  

       สำหรับอีก ๕ คนที่เหลือ ซึ่งได้แก่ คุณนาม คุณวิชา คุณแก้วสรร คุณอุดม และคุณวสันต์ นั้น ก็นำกลับมาพิจารณาว่าจะแต่งตั้งใครได้บ้าง ซึ่งต้องสอบถามเจ้าตัวเป็นราย ๆ ไป  สำหรับคุณวิชา มหาคุณ ท่านยอมรับ  แต่คุณวสันต์ ท่านปฏิเสธไม่ยอมรับ (ซึ่งก็คงไม่สามารถบังคับท่านได้) สำหรับคุณนามนั้นอายุ ๗๐ ส่วนคุณอุดมก็ใกล้จะ ๗๐ แล้ว  ซึ่งตามกฎหมาย ปปช.กำหนดให้พ้นจากตำแหน่งเมื่ออายุ ๗๐ ทั้งสองท่านจึงไม่อาจแต่งตั้งได้ สำหรับคุณแก้วสรรนั้น ก็แม้จะอายุยังน้อย แต่ท่านก็ไม่เคยเป็นอธิบดีหรือเทียบเท่า หรือเป็นศาสตราจารย์ อันเป็นคุณสมบัติสำคัญของการที่จะเป็น ปปช.  ในการเลือก ปปช.ของวุฒิสภาครั้งสุดท้าย ท่านแก้วสรรเองก็เป็นผู้เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่ามีคนที่คณะกรรมการสรรหา ๆ มานั้นขาดคุณสมบัติทำนองนี้อยู่  จึงเป็นอันจนปัญญาที่ไม่สามารถจะตั้งท่านได้  ดูเหมือนท่านจะต่อว่าต่อขานทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า แล้วทำไมไม่ใช้อำนาจคณะปฏิรูปฯ ยกเว้นคุณสมบัติให้แก่ท่าน  แต่ผมคิดด้วยสามัญสำนึกว่า ถ้าทำเช่นนั้น ก็จะเกิดความเสียหายแก่ตัวท่านเองมากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ เพราะเท่ากับแก้ไขกฎหมายหลักของบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของคน ๆ เดียว อาจารย์แก้วสรรท่านเป็นคนดี จึงไม่สมควรที่จะฆ่าท่านด้วยวิธีนี้  และถึงแม้ท่านจะยืนยันว่าทำได้ ก็ยังไม่แน่ว่าเมื่อเวลาที่รัฐบาลชั่วคราวพ้นไปแล้ว จะไม่มีใครหยิบยกปัญหาเรื่องขาดคุณสมบัติขึ้นมาอีก อันจะทำให้เกิดปัญหาว่ามติหรือคำสั่งของ ปปช.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ในเมื่อมีคนขาดคุณสมบัติอยู่ในนั้น

       อาจจะมีคนตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วทำไมไม่ให้อาจารย์แก้วสรรท่านเป็น กกต. ซึ่งมีคุณสมบัติเพียงแค่จบปริญญาตรีก็เป็นได้ คำตอบก็คือว่า ในเมื่อ กกต.ทั้ง ๕ ท่านที่วุฒิสภาเลือกมานั้น ท่านยินยอมที่จะมาเป็น กกต.กันทั้ง ๕ คน แล้วจะเอาเหตุผลอะไรไปตัดคนใดคนหนึ่งออกเพื่อที่จะเอาอาจารย์แก้วสรรเข้าไป

       ก็ได้แต่ชี้แจงข้อเท็จจริงมาให้ฟังเท่านี้แหละ