ผมขอเรียนหารือท่านอาจารย์อันเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ดังนี้
๑.กรณีที่พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อสนับสนุนนายกรัฐมนตรีซึ่งมีฐานะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองของตนเอง หรือพรรคการเมืองฝ่ายค้านและกลุ่มบุคคลในภาคประชาชนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อเป็นการต่อต้านการทำงานของนายกรัฐมนตรี หากการกระทำดังกล่าวอยู่ในช่วงมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาแก้ไขกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปขึ้นมาใหม่ (ที่มีการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ที่มิใช่วันที่ ๑๕ ต.ค. ๔๙) และมีผลใช้บังคับ เช่นนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแลจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามมาตรา ๑๔๔ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จะสามารถพิจารณาเห็นว่า
๑.๑ การกระทำของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล พรรคการเมืองฝ่ายค้าน และกลุ่มบุคคลภาคประชาชนที่ได้กระทำในลักษณะตามข้อหารือดังกล่าวนี้ จะเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนตามมาตรา ๔๔ (๕)แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๔๑ ที่กำหนดห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงหรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการ หลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ได้หรือไม่
๑.๒ ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของบุคคลใดตามข้อหารือดังกล่าวนี้ เป็นประโยชน์แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด อันอาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เช่นนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งจะสามารถใช้อำนาจออกคำสั่งตามมาตรา ๘๕/๔ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้หรือไม่
๒.กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้ง ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดดังกล่าวได้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา ๑๔๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เช่นนี้ คณะอนุกรรมการฯจะยังคงมีอำนาจในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวได้หรือไม่ และคณะอนุกรรมการฯชุดดังกล่าวจะต้องพ้นจากตำแหน่งนี้ตามคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือไม่
1. 1. มาตรา ๔๔ (๕) บัญญัติไม่ให้ใครหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด การจะเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตราดังกล่าวหรือไม่ จึงขึ้นอยู่ที่ว่าในการพูดจากนั้น "มีลักษณะใส่ร้ายด้วยความเท็จ" หรือไม่
1.2 ถ้าเข้าข่ายตาม 1.1 กกต.ก็ย่อมมีอำนาจสั่งระงับการกระทำนั้นได้
2. เมื่อคณะกรรมการที่เป็นผู้แต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งทั้งหมด อนุกรรมการก็ย่อมพ้นไปด้วย