เรียน ท่านอาจารย์มีชัย
ผมมีคำถามจะเรียนถามท่านอาจารย์มีชัย เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง สิทธิในการแสดงความเห็นตามรัฐธรรมนูญ กับเหตุการณ์ความวุ่นวายที่มีกลุ่มบุคคล เรียกร้องให้ท่านนายกลาออกไป ด้วยถ้อยคำที่จาบจ้วง หยาบคาย ใส่ร้าย ดูหมิ่นซึ่งหน้า โดยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง อาทิเช่นว่า เป็นคนโกงชาติโกงแผ่นดิน หรือด่าด้วยถ้อยคำเสียๆ หายๆ เป็นต้น และทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก็จะมีนักวิชาการออกมาพูดจาสนับสนุนตลอดว่าสามารถทำได้ แต่ไม่เคยมีใครชี้แจงให้ละเอียดว่า การแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญนั้นสามารถทำได้ และทำได้แค่ไหน และทำได้ในลักษณะใดบ้าง
หลักกฏหมาย
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา มาตรา ๓๙ บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น ......การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท
จะเห็นได้ว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 39 วรรคสอง ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 ได้บัญญัติเรื่องกรอบของสิทธิเอาไว้อย่างชัดเจน ผมว่านักวิชาการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนทราบถึง กรอบของสิทธิในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญนะครับ เพราะที่ผ่านมาก็จะอ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญกันตลอด
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
เรียน คนไทยรักสันติ
สิทธิในการแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะในบ้าน หรือในสิ่งพิมพ์ แต่หมายถึงการแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะด้วย ใครมีความคิดเห็นอย่างไร จะตรงหรือไม่ตรงกับคนอื่น ก็สามารถไปยืนตระโกนในที่สาธารณะแสดงความคิดเห็นเพื่อให้คนทั่วไปได้รับฟัง เผื่อจะมีคนเห็นด้วย ได้เสมอ ตราบเท่าที่การแสดงความคิดเห็นนั้นไม่ไปกระทบถึงสิทธิของบุคคลอื่น กฎหมายอาญามาตรา ๓๗๐ ที่คุณอ้างมานั้น บทบัญญัติก็เน้นอยู่แล้วว่า "โดยไม่มีเหตุอันสมควร" การไปตระโกนแสดงความคิดเห็นเพื่อชักจูงใจให้คนทั่วไปเห็นด้วยนั้น จะบอกว่าไม่มีเหตุอันสมควรไม่ได้ เห็นตำรวจตั้งข้อหาเขาแล้วก็น่าหนักใจ ความจริงถ้าอ่านประมวลกฎหมายอาญาในภาค ๓ ลหุโทษ ต่อไปอีกไม่กี่มาตรา น่าจะได้อะไรที่ดูน่าจะสมศักดิ์ศรีของตำรวจกว่านี้ (แต่ไม่ได้หมายความว่าตั้งข้อหานั้นแล้ว คนถูกตั้งจะผิดตามที่ตั้งข้อกล่าวหา)
สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนนั้น อันที่จริงก็ไม่ใช่เป็นเสรีภาพโดยเด็ดขาดที่ไม่มีข้อจำกัด ถ้าเมื่อไรการแสดงความคิดเห็นนั้นไปกระทบสิทธิของคนอื่น เช่นไปดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท คนอื่นเข้า ก็อาจเป็นความผิดได้ แต่เมื่อเป็นความผิดก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม