เรียน ท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพ
หาก กกต.ทั้งชุดที่เหลือ 3 คน ลาออก แล้วที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหา กกต.ใหม่ส่งให้วุฒิสภาคัดเลือกและแต่งตั้งชุดใหม่ 5 คน โอกาสที่จะเป็นไปได้คือ ทั้ง 10 คนซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหามา จะต้องมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกับที่ประชุมใหญ่ฯ ในเรื่องการเลือกตั้ง
1) ในลักษณะเช่นนี้ เท่ากับว่า กกต.ชุดใหม่ ถูกครอบงำไปตั้งแต่ต้นหรือไม่ เนื่องจากมีที่มาจากกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งมีความคิดเห็นที่ใกล้เคียงกัน เพราะผู้พิพากษา ที่ตัดสินคดี ย่อมเชื่อได้ว่าจะตัดสินเหมือนกัน ไม่ว่าคนใดจะนั่งพิจารณา
2) มีผู้เสนอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาสรรหา กกต.ทั้งหมดเสนอวุฒิสภาเลือก จะมั่นใจได้อย่างไรว่ากลุ่มผู้ที่ผ่านการสรรหาจะมีความเป็นกลางในความคิดเห็นทางการเมือง โดยเหตุจากคำถามในข้อ 1
3) ในระบบอบประชาธิปไตย ความหลากหลายของกรรมการสรรหาน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดใช่หรือไม่ เพราะความเป็นกลางนั้นวัดไม่ได้
เรียน นักวิชาการ
1. ถ้าคิดอย่างที่ถามมา ก็คงจะต้องคิดว่า เมื่อตอนที่อธิการบดีและใครต่อใครไปเป็นกรรมการสรรหานั้น คงจะเลือกคนที่ตนครอบงำไปหมดแล้วน่ะซี อันที่จริงคุณปริญญาน่ะ ศาลท่านก็เป็นคนเลือกเข้าไป ไม่เห็นจะถูกศาลครอบงำอะไรได้ คิดอย่างนั้นจะเป็นนักวิชาการได้อย่างไรกัน อันความคิดของคนนั้นมีหลากหลาย แต่ถ้าคนที่ศาลเลือกไป (เพราะจำเป็นเนื่องจากทางด้านสภาไม่สามารถตั้งกรรมการสรรหาได้) ถูกครอบงำให้เป็นคนสุจริต ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมา อย่างที่ศาลท่านปฏิบัติอยู่ ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรไม่ใช่หรือ
2. การแก้ไขให้ศาลเลือกแต่ฝ่ายเดียว ก็อาจจะเป็นปัญหาในระยะยาวได้ แต่เหตุผลคงไม่ใช่เพราะกลัวจะถูกศาลครอบงำได้หรอก เพราะการครอบงำด้วยความคิดหรือครอบงำเพราะเลือกคนที่คิดอ่านในแนวทางเดียวกันนั้น ไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวและขนลุกก็คือการครอบงำด้วย เงิน
3. ความหลากหลายนั้นเป็นสิ่งดีแน่นอน เพียงแต่จะทำอย่างไรจึงมั่นใจได้ว่า คนที่มาจากหลากหลายนั้น จะไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำหรือใต้อาณัติของใครเสียก่อนที่จะไปสรรหา