ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    016921 กรณีการพิจารณาว่า "หมิ่นศาล"คนภูเก็ต18 พฤษภาคม 2549

    คำถาม
    กรณีการพิจารณาว่า "หมิ่นศาล"

    จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และศาลฎีกา ได้มีการประชุมร่วมกันในการแก้ไขปัญหาทางการเมือง จนมีข้อสรุปออกมาจากผลการวินิจฉัยของศาลปกครองแบบไม่เป็นเอกฉันท์ ให้การเลือกตั้งเมือวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ตามข่าวที่ออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้วนั้น ผมเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด มีข้อสงสัยที่อยากถามอาจารย์เพื่อเป็นความรู้ ดังนี้

    1.การประชุมร่วมกันในการตัดสินคดีใดๆ นั้น ศาลทั้ง 3 มีอำนาจในการประชุมคดีกันหรือไม่ หากมีข้อโต้แย้งในการตัดสิน ผู้โต้แย้งจะสามารถอุทธรณ์ต่อศษลใดได้อีก ?

    2.ในการตัดสินให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายนเป็นโมฆะของศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าการจัดคูหาการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น (ไม่เป็นความลับ) ใช้หลักฐานใดในการตัดสินคดี มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันแล้วหรือไม่ ถ้าไม่ ? การตัดสินดังกล่าวจะถือว่าเป็นคำตัดสินที่บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงหรือ ?

    3.การออกมาพูดในเชิงกดดันของเลขานุการศาลฎีกา เพื่อให้ กกต.ลาออกนั้น เป็นการกระทำที่เกินกว่าอำนาจของศาลฎีกาหรือไม่ ?

    4.การวิพากษ์วิจารณ์ผลของคำตัดสินที่เชื่อว่าไม่เป็นธรรมนั้น จะถือเป็นการเข้าข่ายการหมิ่นศาลหรือไม่ ? และคำว่าหมิ่นศาลนั้นมีขอบเขตขนาดไหน เพียงใด ?

    5.การที่บุคคลจะวิพากษ์วิจารณ์ใด ย่อมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อวิจารณ์ผลการตัดสินของศาลที่เชื่อว่าไม่เป็นธรรม กลับจะถูกศาลดำเนินคดีข้อหาหมิ่นศาลนั้น อยากทราบว่าข้อหาดังกล่าวขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หมวดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลหรือไม่ ?

    ทั้งหมดนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อข้องใจที่ผมมีต่อพฤติกรรมที่เกิดขึ้นทางการเมืองของประเทศไทย โดยเฉพาะศาล ที่เชื่อว่าหากศาลกระโดดลงมาเล่นเอง ตัดสินเองเยี่ยงนี้แล้ว ต่อไปเราจะมีใครเป็นที่พึ่งได้อีก

    ขอขอบพระคุณสำหรับคำตอบที่จะได้รับมาล่วงหน้า

    คนภูเก็ต

    คำตอบ

       1. ถ้าเป็นการพิจารณาคดีใดคดีหนึ่ง ศาลแต่ละศาลย่อมมีอำนาจโดยอิสระที่จะพิจารณาและพิพากษาไปตามดุลพินิจของศาลนั้นเอง  แต่ที่ประธานศาลทั้ง ๓ ศาลท่านมานั่งหารือกันนั้น สืบเนื่องจากพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่าการเมืองกำลังถึงทางตัน จึงฝากฝังให้ประธานศาลทั้งสามศาลซึ่งเป็นประมุขของเป็นองค์กรที่ใช้อำนาจหนึ่งในสามอำนาจของอธิปไตยไปปรึกษาหารือกัน เพื่อพิจารณาว่าจะมีส่วนช่วยเหลือให้เหตุการยุติลงได้อย่างเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประมุขของทั้ง ๓ ศาลจึงไปนั่งปรึกษาหารือกัน การหารือกันนั้นมิใช่เป็นการดำเนินคดีในศาล หากแต่เป็นเรื่องของการปรึกษาหารือเพื่อหาทางออก  เมื่อท่านหารือได้ข้อยุติอย่างไรท่านก็ออกมาบอกให้ประชาชนทราบ  จะสังเกตเห็นได้ว่า ท่านมิได้ก้าวก่ายเข้าไปถึงอำนาจอิสระในการพิจารณาคดีของแต่ละศาล เพราะท่านได้เน้นอยู่แล้วว่า แต่ละศาลต่างรับฟังและนำไปประกอบการพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ของตน

          ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อองค์กรที่ใช้อำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ กระทำการใดไปตามกรอบแห่งอำนาจหน้าที่ของตน ศาล ซึ่งเป็นอีกองค์กรหนึ่งใน ๓ อำนาจอธิปไตย ก็มิได้ออกมายุ่งเกี่ยวด้วย  คนจึงมักจะเลือน ๆ ถึงอำนาจขององค์กรตุลาการแต่ตามรัฐธรรมนูญในปัจจุบันมีองค์กรอื่น ๆ อีกหลายองค์กรที่มีอำนาจอิสระสอดแทรกเข้ามา และเมื่อเกิดการดำเนินการที่ไม่น่าจะถูกต้องจนเป็นปัญหาวุ่นวายขึ้น  จนประชาชนส่วนไม่น้อยหมดความเชื่อถือในองค์กรอื่น ๆ องค์กรที่ใช้อำนาจตุลาการจึงเป็นเพียงองค์กรเดียวที่เหลืออยู่ที่ผู้คนยังเชื่อถือตามสมควร จึงกลายเป็นที่พึ่งที่จะชี้ทางออกให้แก่สังคม

         2. การดำเนินการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญย่อมมีกฎเกณฑ์และกติกาตามที่กำหนดไว้ และเมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่ยุติ ผูกพันทุกองค์กรให้ต้องปฏิบัติตาม ก็ต้องยุติตามนั้น เว้นแต่ใครจะมีหลักฐานว่าศาลรัฐธรรมนูญทุจริตต่อหน้าที่ก็มีช่องทางที่จะดำเนินการเอากับท่านได้  การตัดสินของศาลนั้นส่วนใหญ่เมื่อเราได้รับประโยชน์หรือถูกใจเรา ก็มักจะบอกว่าศาลเป็นที่พึ่ง บริสุทธิและยุติธรรม แต่ถ้าเมื่อไรคำวินิจฉัยนั้นไม่ถูกใจ ก็มักจะนึกไปว่าไม่ยุติธรรม  แต่เมื่อมีกติกาให้ถือเป็นที่สุด ก็ต้องถือกันตามนั้น จะเอาแต่อารมณ์ความถูกใจอย่างเดียวคงไม่ได้  ส่วนในทางวิชการจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ด้วยเหตุผลอย่างไร ก็ต้องว่ากันไปในเชิงวิชาการ

         3.-4 ดูเหมือนท่านไม่ได้ทำในฐานะผู้พิพากษาในการพิจารณาคดี  ถ้าจะว่าไปก็เป็นการแสดงความเห็นหรือรายงานผลสรุปของการปรึกษาหารือของประธานทั้ง ๓ ศาล

           อย่างไรก็ตามถ้าเป็นเรื่องในคดี และวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม ก็อาจละเมิดอำนาจศาลได้  ถ้าอยากรู้ว่าอย่างไรบ้างเป็นการละเมิดอำนาจศาล และมีโทษอย่างไร ก็ต้องไปดู ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๔  แต่เมื่ออ่านแล้ว ก็อย่าไปนอนใจว่ามีเพียงเท่านั้น เพราะผู้พิพากษาท่านก็เป็นบุคคล ที่มีสิทธิเช่นเดียวกับบุคคลอื่น หากไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรในลักษณะเป็นการใส่ความท่าน ก็อาจถูกฟ้องฐานหมิ่นประมาทได้อีกทางหนึ่งด้วย   ข้อสำคัญเวลาจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ต้องดูให้ถ่องแท้ว่าท่านพูดอย่างไร เพราะผมสังเกตดูด้วยความสนใจว่า เวลาที่คุณจรัลท่านออกมาพูดนั้น ท่านออกจะระมัดระวังถ้อยคำอย่างยิ่ง ไปตัดถ้อยคำอะไรของท่านออกไปคำหรือสองคำอันจะทำให้ความหมายเปลี่ยนไปนั้น อาจเข้าข่ายการหมิ่นประมาทเอาได้ง่าย ๆ

          5.เสรีภาพในการพูดนั้น มิใช่เป็นเสรีภาพที่สัมบูรณ์ หากแต่เป็นเสรีภาพที่ควบคู่ไปกับหน้าที่ กล่าวคือ ผู้ใช้เสรีภาพนั้นมีหน้าที่ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นด้วย การวิพากษ์วิจารณ์นั้นทำได้ แต่ต้องทำด้วยความเป็นธรรม ด้วยเหตุและผล ถ้าไปกล่าวหาว่าท่านตัดสินไม่เป็นธรรม ก็เท่ากับไปกล่าวหาว่าท่านทำผิดหน้าที่ ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นประมาทได้ และถ้าเป็นเรื่องในคดี ก็อาจเป็นเรื่องละเมิดอำนาจศาลได้อีกด้วย

        

           

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    18 พฤษภาคม 2549