เมื่อตอนที่ สสร.ออกแบบรัฐธรรมนูญปัจจุบันนั้น ได้สร้างไว้เพื่อให้เกิดรัฐบาลที่แข็ง และมีเสถียรภาพ แต่ไม่ได้นึกว่าจะมีใครทำให้เกิดความแข็งได้ถึงขนาดนี้ แม้แต่ประชาชนและนักวิชาการเองก็ยังปรับตัวปรับใจไม่ทัน เมื่อเกิดรัฐบาลที่แข้งขึ้น พรรคเดียวสามารถตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างจึงยังไม่พร้อม ไม่พร้อมทั้งคนที่เป็นรัฐบาล สส.ที่อยู่ในพรรคเดียว นักวิชาการ รวมทั้งการรับรู้ของประชาชน กลไกต่าง ๆ จึงถูกใช้ไปอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และเกิดความรู้สึกว่า "ไม่ใช่" อย่างที่เคยคาดคิดไว้ ครั้นจะถามว่าแล้วผิดตรงไหน ก็ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าไม่ใช่ และไม่ดี
อันที่จริงประเทศสิงคโปร์ก็มีพรรคการเมืองเดียวมาแต่เริ่มตั้งประเทศ แต่รัฐบาลเขาค่อนข้างจะเข้มงวดในเรื่องประโยชน์แห่งชาติ และไม่ทำธุรกิจเป็นส่วนตัว แม้คนสิงคโปร์จะมีข้อนินทารัฐบาลในเรื่องเป็นเผด็จการอยู่บ้าง แต่เขาก็วางใจว่าทั้งหมดยังทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นส่วนรวม ไม่มีข้อกังขาในเรื่องความสุจริตหรือประโยชน์ทับซ้อน เขาจึงยอมรับอำนาจเบ็ดเสร็จนั้นได้ แต่สิ่งที่เกิดในประเทศไทยนั้น จะเป็นจริงอย่างไรไม่รู้ แต่ผู้คนเกิดกังขาว่า อำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดนั้นได้ถูกใช้ไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนอย่างไม่สุจริต และมีประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งรัฐบาลยังไม่สามารถทำความกังขานี้ให้หมดสิ้นไปได้ การประท้วงและการไม่ยอมรับจึงเกิดขึ้น รัฐธรรมนูญนี้แม้จะมีการสร้างองค์กรต่าง ๆ เพื่ออุดช่องโหว่อย่างมากเพื่อรองรับความเข้มแข็งของฝ่ายบริหาร แต่ก็อยู่บนสมมุติฐานที่ว่าทุกฝ่าย ทุกคน และทุกองค์กร จะเดินไปตามกติกาและตามเจตนารมณ์อย่างเคร่งครัด ถ้าองค์กรหนึ่งองค์กรใดล้มเหลวไม่สามารถรักษากติกาและเจตนารมณ์ไว้ได้ ระบบทั้งระบบก็อาจพังลงอย่างที่เห็นได้