เรียนอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์
ขอเรียนถามอาจารย์ว่าจะมีหนทางอย่างไรที่จะยกเลิกประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อที่จะไม่ต้องมีการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 2 เมษายน นี้ และจะได้มี ส.ส.เดิมทำหน้าที่ต่อไปทั้ง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลและ ส.ส. ฝ่ายค้าน ซึ่งจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรต่อไป ก็จะได้ไม่ต้องเสียเงินเลือกตั้งกว่า 2 พันล้านบาท แล้วอาจจะเปิดสภาไม่ได้เหมือนที่ใครๆก็พูดกันในขณะนี้
ศิษย์เก่า ร.ร. มงฟอร์ตวิทยาลัย ที่อยู่ในเชียงใหม่ทั้งรุ่นก่อนและรุ่นหลังนายกทักษิณหลายคน ยอมรับว่านายกทักษิณทำไม่ถูกที่ไปยุบสภา แต่เมื่อย้อนหลังกลับไปไม่ได้แล้วเช่นนี้ ขอให้อาจารย์เสนอแนวทางที่นายกทักษิณจะยกเลิกการยุบสภาได้ ซึ่งพวกเราเข้าใจว่าจะทำให้มี ส.ส. อยู่เหมือนเดิม และไม่ต้องเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ให้สูญเปล่า หากทำได้ พวกเราจะเสนอเรียกร้องให้นายกทักษิณลาออกจากตำแหน่งนายก รมต. และจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เหมือนกับนายก รมต. เกาหลี ที่ลาออก เมื่อสื่อมวลชนวิจารณ์ว่าไปตีกอล์ฟกับผู้ที่วิ่งหาผลประโยชน์จากรัฐบาล หากแนวทางนี้เป็นไปได้ และษิณ (ไม่ใช่แม้ว) ยอมให้มีการตรวจสอบจริยธรรมทางการเมืองโดยลาออกจากตำแหน่ง แล้วให้รองนายกทำหน้าที่นายกแทน ก็จะยังเป็นศิษย์เก่าที่กลับโรงเรียนเดิมได้อยู่
ขออาจารย์ชี้ทางสว่างให้นายกทักษิณและประเทศชาติโดยด่วนด้วย
ขอแสดงความนับถือ
นายเฉลิมชัย สุวรรณบรรจงและศิษย์เก่า ร.ร. มงฟอร์ตวิทยาลัยในเชียงใหม่
เรียน คุณเฉลิมชัย
การยุบสภานั้นเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ซึ่งกระทำตามการถวายคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้กระทำในรูปของพระราชกฤษฎีกา ดังนั้นเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภาแล้ว สภานั้นก็เป็นอันถูกยุบไป จะทำอย่างไรกับพระราชกฤษฎีกา เช่นไปยกเลิก หรือแก้ไขเพิ่มเติมอย่างไร สภานั้นก็ไม่มีทางที่จะฟื้นคืนมาได้ แต่ในพระราชกฤษฎีกานั้นนอกจากเรื่องการยุบสภาแล้ว ยังกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปไว้ด้วย ซึ่งยังมาไม่ถึง หากต้องการจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอย่างไร ก็คงทำได้แต่เฉพาะการเปลี่ยนแปลงวันเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งก็ต้องทำเสียก่อนวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้ เพราะถ้าถึงวันที่ ๒ และการเลือกตั้งได้เริ่มต้นแล้ว การเลื่อนก็ไม่เกิดผลอะไรอีก เพราะการเลือกตั้งได้ลงมือกระทำไปเสียแล้ว
ที่จะให้ช่วยชี้ทางสว่างให้นั้น บอกตรง ๆ ว่ายังมองไม่เห็นทาง เพราะขณะนี้เหมือนกับตึกสูงสองหลังตั้งตระหง่านเผชิญหน้ากันอยู่ จะทำอย่างไรโดยไม่ให้กระทบตึกใดตึกหนึ่งนั้นย่อมเป็นการยาก การที่จะหวังให้ทั้งสองฝ่ายเหนื่อยแล้วเลิกลากันไปเองนั้น คงเหมือนกับหวังว่านอนหลับตื่นขึ้นมาแล้วอุทยานเขาใหญ่จะหายวับไป จึงเหลือแต่ว่าในที่สุดตึกทั้งสองหลังจะพังลงมา หรือตึกหลังใดหลังหนึ่งพังเพียงหลังเดียว แต่ไม่ว่าจะพังทั้งสองหลังหรือหลังใดหลังหนึ่ง ผู้คนที่อยู่ในตึกและบริเวณใกล้เคียงก็คงหนีไม่พ้นจะได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งนั้น