เรียน คุณเขมรัฐ
การร่างกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นการวิจัยตามความต้องการของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซึ่งทำมาประมาณ ๓- ๔ ปีแล้ว โดยการนิคมไปเห็นประเทศต่าง ๆ มีการเปิดและขยายเขตเศรษฐกิจเพื่อชักจูงให้คนมาลงทุนจนกลายเป็นเมืองพิเศษที่ทำเงินตราเข้าประเทศและเป็นแหล่งรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างมากมาย จึงอยากศึกษาว่าเขาทำกันอย่างไร โครงสร้างเป็นอย่างไร และต้องมีอำนาจอย่างไร การศึกษาและจัดทำจึงเป็นเรื่องระหว่างผู้รับทำงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น เมื่อทำเสร็จแล้ว ต่อมาอีกระยะหนึ่งรัฐบาลเกิดมีนโยบายจะทำเขตเศรษฐกิจขึ้น การนิคมแห่งประเทศไทยจึงนำเรื่องไปเสนอต่อรัฐบาลเป็นทางเลือก แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงร่างเพื่อให้สอดรับกับสังคมและวัฒนธรรมไทย จะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้
เห็นมีคนเล่าให้ฟังว่ามีการเอาไปพูดเป็นทำนองว่าจะเอาที่ดินไปให้เช่าเป็นเวลา ๙๙ ปี นั้น เป็นการบิดเบือนให้ผิดไปจากความเป็นจริง เพราะในร่างเบื้องต้นนั้นเป็นการกำหนดว่า ถ้าจะเอาที่ดินของเอกชนมาทำเป็นเขตเศรษฐกิจและรัฐไม่มีปัญญาซื้อมา ก็ให้เช่ามาทำได้ แต่ถ้าจะเช่ามาทำก็ต้องเช่าเป็นเวลายาวนานเพื่อว่าจะได้นำมาพัฒนาแล้วจึงนำไปดำเนินการ ถ้าเช่ามาระยะสั้น ๆ พอลงทุนพัฒนาเสร็จยังไม่ทันไรก็ต้องคืนให้เจ้าของเดิมไป รัฐก็จะขาดทุน ก็จะกลายเป็นช่องทางให้นำที่ดินของพวกพ้องมาพัฒนา ก็จะเสียหายต่อรัฐ ส่วนเมื่อพัฒนาแล้วจะไปให้คนอื่นเช่าต่อนั้น จะให้เช่าเป็นเวลาเท่าไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คนเขาเล่าให้ฟังอีกว่า นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้ใช้โอกาสในการขึ้นบนเวที แล้วด่าว่าผมด้วยตนเองบ้าง โดยอาศัยปากของคุณสัก กอแสงเรือง ซึ่งเป็นนักกฎหมายใหญ่บ้าง คุณวสันต์ ซึ่งเป็นนักสิทธิมนุษยชนบ้าง ซึ่งน่าเสียดาย เพราะทั้งสองท่านนั้นเป็นผู้ใหญ่ น่าจะรู้ดีว่า การด่าว่าใครโดยไม่ทราบข้อเท็จจริง ย่อมรังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่เขาโดยไม่มีทางแก้ไข และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณสัก กองแสงเรือง ย่อมทราบดีอยู่แก่ใจว่า ร่างกฎหมายนั้นยังเป็นเพียงร่างเบื้องต้น ยังมิได้ผ่านสภา คนที่มีอำนาจจะทำให้ร่างกฎหมายนั้นเป็น กฎหมายใช้บังคับได้ ก็คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เพราะฉะนั้นในที่สุด กฎหมายนั้นจะดีเลวอย่างไร คนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภานั่นเอง บรรดากฎหมายที่ออกมาพูดกันว่าไม่ดีต่าง ๆ นานา นั้น ล้วนแต่ผ่านสภาทั้งสองมาทั้งนั้น
ข้อสำคัญผมมิได้มีตำแหน่งใด ๆ ในรัฐบาล มิได้เกี่ยวข้องกับการเมืองอีกแล้ว การจะมีข้อขัดแย้งในทางการเมืองระหว่างกันจึงไม่สมควรที่จะนำผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย การที่ผมตอบคำถามใน web ก็เป็นเรื่องของวิทยาทานแก่ประชาชนตามความรู้และความเข้าใจที่มีอยู่เท่านั้น
กล่าวถึงนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นั้น ผมได้สังเกตเห็นเป็นครั้งคราวว่ามักจะหาโอกาสให้ร้ายผมอยู่เสมอ ทั้งในการอภิปรายในสภาและนอกสภา โดยที่ผมไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย แต่ผมก็มักจะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ คิดเสียว่าคนไม่มีอะไรจะทำ หรืออาจจะมีปมด้อยอะไรอยู่ในใจก็ได้ เคยเห็นแว่บ ๆ ในสมัยที่ออกรายการทีวี ก็รู้สึกว่าเป็นคนค่อนข้างจะกักขฬะอยู่ จึงไม่ค่อยกล้าจะเฉียดกรายเข้าใกล้นัก แต่การที่ขึ้นไปให้ร้ายผมบนเวทีด้วยตัวเอง หรืออาศัยวาทะเพื่อจูงใจให้คุณสักและคุณวสันต์ตอบคำถามให้เป็นการให้ร้ายผมก็ดี เป็นการแสดงให้เห็นจิตใจอันเต็มไปด้วยโมหะจริต และโทสะจริตอันยากจะเยียวยาได้ เพราะเป็นการถือโอกาสนำเรื่องความเคียดแค้นส่วนตัว(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร) ไปใช้เวทีที่เขากำลังต่อสู้กันทางการเมือง เป็นเวทีที่คนอื่นเขากำลังทุ่มเทจิตใจเพื่อบ้านเมืองตามความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคนอย่างบริสุทธิ์ใจ ใช้คำถามที่บิดเบือนถึงขนาดที่พยายามจะพูดให้เห็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแล้วด้วยซ้ำไป วันก่อนผมบังเอิญได้ฟัง ส.ศิวลักษณ์ อภิปรายเป็นทำนองว่า คนที่จบปริญญาเอกนั้นบางทีก็เลวกว่านักเลงอันธพาลเสียอีก ฟังแล้วก็ยังกังขาอยู่ มาเห็นเรื่องนี้แล้วจึงพอจะเริ่มเข้าใจทัศนะของ ส.ศิวลักษณ์
อันที่จริงการปฏิบัติหน้าที่ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ในวุฒิสภานั้น พยายามจะทำให้ดูโดดเด่น แต่ถ้านึก ๆ ดูให้ดีในสองเรื่องสำคัญ ที่เป็นผลให้ การตั้ง กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ต้องล่าช้าไป ๓ ปีก็ดี การตั้ง กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติต้องล่าช้าไปจนทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องตั้งให้แล้วเสร็จภายใน ๑๒๐ วันนับแต่วันทีกฎหมายใช้บังคับ คือวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๔๓ ก็ดี นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อาจจะภูมิใจในผลงานของตน การที่ไม่มีใครไปตอแยกับความภูมิใจนั้น ก็อาจเป็นเพราะคนทั่วไปเขามิได้มีจิตใจโสมมเหมือนตน เพราะถ้าคนทั่วไปเขามีจิตใจอย่างที่ตนเป็นอยู่ เขาคงคิดว่านายเจิมศักดิ์ แอบไปมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรกับบรรดานายทุนที่มีกิจการวิทยุโทรคมนาคมและโทรทัศน์ เพื่อมิให้เกิด กทช. และกสช. เพื่อให้ผู้ทำกิจการอยู่ก่อนได้รับประโยชน์ โดยไม่มีใครสามารถเข้ามาแข่งขันใหม่ได้ หรือเปล่า
มีชัย ฤชุพันธุ์ 17 มีนาคม 2549 |