ความเก่งของคนในแวดวงและในแต่ละสาขาวิชาชีพหรือวิถีชีวิตนั้นย่อมมีสภาพที่แตกต่างกันและมีกรอบที่แตกต่างกัน ความเก่งของพระที่เป็นพระนักพัฒนาย่อมอยู่ที่ทำให้คนศรัทธาเลื่อมใสและโน้มน้าวจิตใจให้ร่วมกันบริจาคทรัพย์สินเงินทองหรือแรงงานมาร่วมกันพัฒนาศาสนวัตถุให้เจริญรุ่งเรือง ในขณะเดียวกันความเก่งที่จะได้รับการนิยมยกย่องของพระที่เป็นนักวิปัสนาหรือนักปฏิบัติ ย่อมอยู่ที่การสละ ละในสิ่งทั้งปวง ไม่แสวงหาวัตถุใด ๆ ให้เป็นเครื่องถ่วงจิตใจ มุ่งแต่พัฒนาจิตใจให้ใสบริสุทธิ์ มุ่งแต่ปฏิบัติเพื่อการบรรลุ คนจึงนิยมยกย่องว่าท่านเก่ง
นักธุรกิจหรือนักบริหารภาคเอกชนนั้นถ้าสามารถนำพาธุรกิจของตนไปสู่ความสำเร็จมีกำไรมหาศาล ขยายเครือข่ายและกิจการออกไปมากเท่าไรก็ยิ่งถือว่าประสบความสำเร็จมากเท่านั้น ยิ่งครองตลาดหรือมีส่วนแบ่งในการตลาดยิ่งมากก็ยิ่งดี ถ้าทำให้ต้นทุนต่ำด้วยการเสียภาษีให้น้อยที่สุดยิ่งเป็นที่ขึ้นชื่อ ทำให้คู่ต่อสู้หมดทางแข่งขันหรือหมดทางที่จะตามทันก็ถือว่ามีวิสัยทัศน์กว้างไกล เป็นคนเก่งที่จะต้องยกย่องกันว่าเป็นเลิศ แต่แม้กระนั้นในระยะหลัง ๆ ในวงการธุรกิจก็เริ่มเรียกหาความโปร่งใส หรือธรรมาภิบาล แต่ความโปร่งใสหรือธรรมาภิบาลนั้นก็ยังหนักไปในทางคุ้มครองผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเสียมากกว่าคุ้มครองประชาชนทั่วไป รวมความว่า ความเก่งของนักธุรกิจหรือนักบริหารภาคเอกชน มุ่งเน้นอยู่ที่การทำประโยชน์ให้แก่เจ้าของหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงอันจำกัด ส่วนใครจะเสียหายอย่างไร หรือเอารัดเอาเปรียบใคร เป็นเรื่องรองลงไป หรือเกือบจะไม่ได้นึกถึง ถ้านึกไม่ออกก็ลองนึกถึงบริษัทประกันภัยดูก็ได้ คนที่สามารถหาลูกค้ามาประกันได้มากเท่าไรกุถือว่าประสบความสำเร็จมากเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ถือว่าเก่งนัก แต่ตอนที่ถึงคราวจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกค้าในกรณีที่ลูกค้าประสบภัยภิบัติ หากผู้จัดการสามารถหาช่องทางที่ชอบด้วยกฎหมายหลีกเลี่ยงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเลยหรือจ่ายให้น้อยที่สุดได้เท่าไร ผู้จัดการคนนั้นจะเป็นที่ต้องการของบริษัทประกันทั่วไป
สำหรับคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะคนที่อยู่ในระดับนโยบายนั้น มีหน้าที่กว้างไกลกว่านักธุรกิจและนักบริหาร มีอำนาจของรัฐอยู่ในมือ อำนาจเช่นว่านั้นมีตั้งแต่การสร้างกฎกติกาเพื่อยังความสงบเรียบร้อย ความเป็นระเบียบของสังคม คุ้มครองไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ คุ้มครองผู้ด้อยโอกาสหรือผู้ที่มีปัจจัยในการต่อสู้น้อยกว่า กฎกติกาใดที่มีช่องโหว่หรือรอยรั่ว เจ้าหน้าที่ของรัฐก็มีหน้าที่ต้องคอยอุดรูรั่วเหล่านั้นเพื่อไม่ให้ใครอาศัยช่องโหว่เหล่านั้นไปเอาเปรียบคนอื่น ในขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ต้องบังคับการให้เป็นไปตามกฎกติกา นำคนที่ทำผิดกฎกติกามาสู่กระบวนการเพื่อลงโทษ หน้าที่ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการพัฒนาประเทศให้รุ่งเรืองทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เมื่อประเทศเจริญขึ้น ผู้คนมีรายได้ดี ก็มีหน้าที่ในการไปจัดเก็บภาษีอากรเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกิจการบ้านเมืองและให้บริการแก่ประชาชน
ด้วยอำนาจและหน้าที่ดังกล่าวมา ความเก่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงมิใช่อยู่แต่เพียงที่ทำกำไร แต่ต้องทำเพื่อวัตถุประสงค์หลายอย่างพร้อม ๆ กัน โดยมิได้มุ่งหากำไร และโดยหน้าที่และการมีอำนาจดังกล่าว การบางอย่างที่คนทั่วไปทำได้ คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงทำไม่ได้ และบางอย่างก็ไม่พึงทำ และบางอย่างไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง
คนที่ทำมาหากินทั่ว ๆ ไป อาจพยายามหาช่องทางในการหลีกหลบภาษีอากร ให้เสียน้อยที่สุด ใครทำได้ ก็เป็นความเก่ง เป็นความสำเร็จ แต่ถ้าลูกและเมียของเจ้าหน้าที่สรรพากร นั้นตั้งบริษัทเพื่อให้บริการแนะนำคน เพื่อคอยบอกว่าทำอย่างไรจึงจะเสียภาษีน้อยที่สุด จนบริษัทนั้นมีรายได้ร่ำรวยมหาศาล เราจะยอมรับว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรนั้นเป็นเก่งที่สมควรอยู่เป็นตัวอย่างในกรมสรรพากรต่อไป หรือสมควรจะแนะนำว่าควรออกไปอยู่นอกแวดวงของกรมสรรพากร และถ้าเจ้าหน้าที่นั้นไปตรวจสอบบริษัทใดที่มิได้เสียภาษีอากรให้ถูกต้อง และบริษัทนั้นบังเอิญไม่ได้ใช้บริการการปรึกษาจากบริษัทของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เจ้าหน้าที่สรรพากรนั้นทำไปโดยสุจริต หรือทำไปเพราะบริษัทนั้นมิได้มาใช้บริการของบริษัทของเมียและลูกของเจ้าหน้าที่สรรพากรผู้นั้น
สมมุตินะครับ (อย่าคิดว่าเป็นเรื่องจริง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและปลัดกระทรวงคมนาคมของประเทศหนึ่งมีอำนาจในการอนุญาตให้คนเปิดบริษัทการบินได้ ถ้าวันหนึ่งภรรยาและบุตรและบริวารของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดบริษัทการบิน และมาขออนุญาต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและปลัดกระทรวงคมนาคมก็อนุญาต ในขณะเดียวกัน เส้นทางใดที่บริษัทการบินแห่งชาติของประเทศนั้นเคยมีอยู่ก็งดเสีย เพื่อให้บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ได้ใช้เส้นทางนั้นแทน บริษัทนั้นก็รุ่งเรืองขึ้นมา ถ้ามองในแง่ของนักธุรกิจ ก็ต้องรับว่ารัฐมนตรีและปลัดกระทรวงคมนาคมนั้นเก่ง เพราะไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อนได้ (ซึ่งอาจเป็นได้ว่าไม่เคยมีใครฉลาดพอที่จะคิดออก หรือไม่เคยมีใครกล้าพอที่จะคิด) แต่ถ้ามองในแง่ประโยชน์ของรัฐ และความเป็นธรรม และประโยชน์ของบริษัทการบินของชาตินั้น เราจะยอมรับได้หรือไม่ว่ารัฐมนตรีและปลัดนั้นเป็นคนเก่งสมควรแก่การยกย่อง ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าถามว่าได้ทำถูกต้องตามกฎเกณฑ์หรือไม่ ก็คงต้องยอมรับว่าถูกต้อง แต่การกระทำเช่นนั้นจะเป็นการขัดต่อหน้าที่และอำนาจที่อยู่ในมือหรือไม่ ใครจะเป็นคนรักษาประโยชน์ของประเทศ ใครจะรักษาความเป็นธรรม ใครจะรักษาความเสมอภาคในโอกาส
คนธรรมดาเมื่อไปครอบครองที่ดินของคนอื่นโดยสงบ โดยเปิดเผย โดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี กฎหมายยอมรับว่าเป็นการครอบครองปรปักษ์ เมื่อไปร้องขอต่อศาล ๆ ก็ต้องสั่งเจ้าพนักงานให้โอนที่ดินนั้นให้แก่ผู้ครอบครองปรปักษ์ได้ แต่ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดอาศัยไต่เส้นลวดเดียวกันนี้ ไปครอบครองปรปักษ์ที่ดินของชาวบ้านในจังหวัดของตน เราจะยอมรับความเก่งของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นหรือไม่ ถ้าชาวบ้านเขาร่วมใจกันเดินขบวนประท้วงเพื่อขับไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดคนนั้นให้ออกไปจากพื้นที่ ผู้ว่าจะต่อสู้ว่าเป็นการเอากฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมายได้หรือไม่
เรื่องบางเรื่องคนธรรมดาทั่ว ๆ ไปทำได้ แต่คนที่เป็นรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะไม่สมควรทำ เช่น วันดีคืนดีคนที่ชอบเล่นการพนัน ก็ขึ้นเครื่องบินไปเล่นที่คาสิโนในประเทศต่าง ๆ ที่มีอยู่เป็นดอกเห็ดจะได้กำไรหรือเสียไปกี่สิบกี่ร้อยล้าน ก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้ารัฐมนตรีไปทำเข้า ก็เป็นการไม่สมควร จะอ้างว่าไม่มีกฎหมายห้าม เห็นจะไม่ได้
ที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้ว่าใคร เพียงแต่ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นว่าความเก่งของคนในแต่ละสถานะนั้นแตกต่างกัน ใครอย่าร้อนตัวไปรับเข้าทีเดียว
ในท่ามกลางฝุ่นตลบนี้ มีเสียงพูดที่น่าตระหนกว่า ใครมาก็โกงเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าโกงแล้วทำงานก็น่าจะดีแล้ว ฟังแล้วก็ขนลุก ถ้าทัศนะนี้เป็นที่ยอมรับกันเป็นเสียงข้างมาก ก็น่าจะต้องเขียนไว้เสียในรัฐธรรมนูญให้ชัดแจ้งไปเลยว่า ใครมาเป็นรัฐบาลก็ให้มีสิทธิหักเปอร์เซ็นต์ได้ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด เอาให้ทั้งโลกงงกันไปเลย ไหน ๆ เราก็ทำท่าว่าจะได้ไปนั่งในตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติกันแล้ว จะได้ฝากฝังให้ท่านไปช่วยเสนอให้มีการแก้ไขกฎบัตรสหประชาชาติเสียให้สอดคล้องกับแนวคิดแบบใหม่ของไทยเราเสียด้วย
อ้อ ลีกวนยูนั้นท่านเป็นคนเก่งจริง และคนสิงคโปร์เองออกจะบ่น ๆ อยู่ด้วยซ้ำไปว่าท่านออกจะเผด็จการ แต่เนื่องจากท่านและครอบครัวไม่ได้ทำธุรกิจให้ปวดหัว ท่านจึงอยู่ในตำแหน่งได้จนท่านเบื่อไปเอง และแม้เมื่อท่านออกไปแล้วบารมีของท่านก็ยังคุ้มครองคนของท่านให้อยู่ในตำแหน่งได้อีกยาวนาน รอจนลูกของท่านเติบโตพอมารับตำแหน่งต่อไปได้อยู่จนทุกวันนี้ เข้าทำนองภาษิตของไทยที่ว่า ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่เหลือ แต่ดูเหมือนคนสมัยใหม่เขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับภาษิตนี้ เขามักจะค่อนว่าคนที่คิดอย่างนี้เป็นคนโง่และไม่ทันกับยุคโลกาภิวัฒน์
มีชัย ฤชุพันธุ์ 9 มีนาคม 2549 |