เรียน ครูรอบนอก
เรื่องการโอนการจัดการศึกษาไปให้ท้องถิ่นนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เพราะในเยอรมัน ฝรั่งเศส หรืออเมริกา ท้องถิ่นของเขาเจริญและจัดตั้งก้นมานาน เขาจึงสามารถจัดการศึกษาภายในท้องถิ่นของเขาเอง แต่ท้องถิ่นของเขามิได้ถูกจัดตั้งมาเป็นโหล อย่างท้องถิ่นของเรา หากแต่ขึ้นอยู่กับความเจริญและความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นที่พร้อมที่จะเสียสละทั้งในแง่ของการเสียภาษีเพิ่มขึ้นเพื่อประโยชน์ของท้องถิ่นโดยเฉพาะ และเมื่อใครมั่งมีพอที่จะเสียสละเวลาได้ก็เข้ามาสมัครเป็นผู้บริหารกิจการของท้องถิ่น ในการจัดาการศึกษาบางประเทศอย่างอเมริกา เขาก็มีคณะผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงเพื่อวางนโยบายในทางการศึกษา แต่ไม่เข้าไปก้าวก่ายการบริหารจัดการกิจการภายในของโรงเรียนโดยตรง ผู้บริหารดังกล่าวที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ ให้ เขาเข้ามาเพื่อที่จะดูแลระบบการศึกษาเพื่อประโยชน์ของลูกหลานของเขาจริง ๆ เพราะลูกหลานของเขาต้องเรียนอยู่ในโรงเรียนท้องถิ่นนั้น ๆ
แต่ท้องถิ่นของไทยเรานั้น ถูกข่มขืนให้จัดตั้งขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความต้องการหรือความพร้อมของท้องถิ่น เมื่อแรกเริ่มจัดตั้งขึ้นหลายตำบลจึงมีคนเป็นสิบบ้างเป็นร้อยบ้าง ซึ่งมองเห็นได้แต่แรกว่าจะไม่มีกำลังเงินเพียงพอที่จะพัฒนาได้ แต่โดยผลของรัฐธรรมนูญ รัฐก็ต้องจัดสรรเงินส่งลงไปให้อย่างทันทีทันใดเพื่อให้ทันกับข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ และผู้ร่างรัฐธรรมนูญก็คงรู้ว่าถ้าปล่อยให้พร้อมก็คงต้องใช้เวลานาน จึงบังคับไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญนั้นเองให้รัฐต้องจัดการถ่ายโอนอำนาจทั้งปวงไปให้ท้องถิ่นให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งนี่ก็เลยเวลาที่กำหนดแล้ว แต่การถ่ายโอนอำนาจก็ยังไม่สามารถทำได้ครบถ้วน เพราะความไม่พร้อมในหลายด้าน และในหลายท้องถิ่น เนื่องจากในเวลาที่กำหนดภารกิจของท้องถิ่นนั้น ผู้ร่างมองกรุงเทพมหานครเหมือน ๆ กับองค์การบริหารส่วนตำบล จึงกำหนดอำนาจหน้าที่ไว้อย่างเดียวกันหรือเกือบจะเหมือนกัน
เมื่อถึงคราวจะต้องถ่ายโอนอำนาจในการจัดการศึกษา ผู้ดำเนินการก็คิดอย่างเดียวกับเมื่อตอนตั้งท้องถิ่น คือคิดว่า กทม. เทศบาลนคร เทศบาลเมือง องค์การบริหารส่วนตำบล มีฐานะเป็นท้องถิ่นเหมือนกัน จึงต้องโอนการศึกษาไปให้พร้อม ๆ กัน เรื่องจึงเกิดขึ้น เพราะแม้ว่าในหลายท้องถิ่นจะมีความพร้อม แต่อีกหลายท้องถิ่นซึ่งน่าจะเป็นส่วนข้างมาก ก็หามีความพร้อมไม่ นอกจากนั้นในเวลาที่คิดถึงเรื่องการถ่ายเทอำนาจ ก็คิดด้านเดียว ไม่ได้คิดถึงอนาคตหรือหัวอกของครูที่จะต้องถูกโยนไปโยนมาอีกครั้งหนึ่ง
การปฏิรูปการศึกษาที่ทำกันมานั้น เมื่อเริ่มต้นก็ทำท่าว่าจะดี เพราะดูเหมือนจะนึกถึงสาระของการศึกษาและสิ่งที่เด็กจะได้รับเป็นเกณฑ์ แต่พอเอาเข้าจริง การปฏิรูปนั้นกลับกลายเป็นการปฏิรูปเพื่อประโยชน์ของผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เสียมากกว่า เมื่อทุกคนได้ดีมีสุขแล้ว ก็โยนภาระทั้งหมดไปให้ครู ซึ่งยังไม่ได้รับการปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวทางของระบบการศึกษาใหม่ บรรดาครูจึงถูกใครต่อใครที่มีความคิดที่นึกว่าน่าจะดี สั่งให้ทำอะไรต่อมิอะไรกันจนไม่มีวันว่าง
แนวคิดของการให้ท้องถิ่นเป็นผู้จัดาการการศึกษานั้น ก็คงจะเนื่องจากเห็นว่าแต่ละท้องถิ่นย่อมมีความต้องการพัฒนาความรู้ของเด็กในท้องถิ่นของตนไปตามวิวัฒนาการของท้องถิ่นนั้น ๆ ถ้าได้ให้ท้องถิ่นเป็นคนจัดการเสียเองแล้ว จึงน่าจะเกิดประโยชน์ ท้องถิ่นจะได้ทุ่มเททรัพยากรลงไปมากน้อยตามความต้องการได้ นั่นคือความฝันของนักท้องถิ่นนิยม แต่ใครที่อยู่ในท้องถิ่นก็คงจะรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ในบางท้องถิ่นเท่านั้นแหละ จึงได้แต่หวังว่าคุณครูจะอยู่ในท้องถิ่นที่มีลู่ทางจะเป็นไปอย่างที่เขาวาดฝันไว้
มีชัย ฤชุพันธุ์ 29 พฤศจิกายน 2548 |