ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    016787 ช่อง No vote เป็นผลงานการร่าง ของท่านมีชัย ใช่ไหมครับยุทธพงศ์2 พฤษภาคม 2549

    คำถาม
    ช่อง No vote เป็นผลงานการร่าง ของท่านมีชัย ใช่ไหมครับ

    กราบเรียนท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพ

          ผมได้ติดตามการตอบคำถามของอาจารย์มานานมีประโยชน์มากเลยครับ  โดยเฉพาะล่าสุด "ภารกิจของกกต. เฉียบขาดจริงๆ ครับ สมกับเป็นสติให้กับสังคม ผมเคยอ่านข่าวการให้สัมภาษณ์ ของท่านรองนายกวิษณุ เครืองาม บอกว่ากติกา no vote  อาจารย์ มีชัยเป็นคนคิด และผลักดันให้มีในกฏหมาย น่าปลื้มใจนะครับว่า 8 ปีหลังการใช้ No vote จะเป็นทางออกให้กับคนในสังคมได้ขนาดนี้ อยากให้อาจารย์ช่วยเล่ารายละเอียด ว่าทำไมถึงอยากให้มี  คิดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างไร ที่ไหนเขามีกันบ้าง  ในการเสนอครั้งนั้นมีคนเห็นด้วยทั้งหมด หรือคัดค้านบ้าง อาจารย์เคยคิดว่า No vote จะเป็นตัวช่วยระบายความอืดอัดของคนได้ขขนาดนี้  เห็นด้วยไหมที่กำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ ไม่ใช่สิทธิ ขอบคุณครับ

    คำตอบ

    เรียน คุณยุทธพงศ์

          นับแต่มีการเลือกตั้งมาในประเทศไทย ยังไม่เคยมีช่อง "ไม่ใช่สิทธิ"  (no vote) ในบัตรลงคะแนน การมีช่องดังกล่าวในบัตรลงคะแนนมีขึ้นเมื่อมีรัฐธรรมนูญปัจจุบัน (๒๕๔๐)  เหตุทั้งนี้ก็เพราะตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญมา ยังไม่เคยมีการกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ที่บุคคลจะต้องไปลงคะแนน   เมื่อรัฐธรรมนูญบังคับให้ผู้มีสิทธิต้องไปใช้สิทธิ  ผมจึงตั้งคำถามในชั้นที่มีการร่างกฎหมายเลือกตั้งว่า เมื่อบังคับให้ผู้คนเขาไปใช้สิทธิแล้ว หากเขาเห็นว่าพรรคการเมืองส่งใครก็ไม่รู้ที่เขาไม่ไว้วางใจเลยมาสมัคร จะมีช่องทางอะไรให้เขาบ้างไหม  ถ้ากฎหมายไม่ได้บังคับให้เขาต้องไปลงคะแนน หากเกิดกรณีเช่นนั้นขึ้น เขาก็ไม่ไปลงคะแนนได้ แต่เมื่อกฎหมายบังคับเขาเช่นนี้ ก็สมควรมีทางออกให้เขาด้วย

            ในขณะนั้นมีบ้างบางคนที่ไม่เห็นด้วย โดยเกรงว่าถ้าเกิดมีคนลงคะแนนในช่อง "ไม่ใช้สิทธิ์" จำนวนมาก พรรคการเมืองก็อาจเสียหน้าได้  แต่เขาให้เหตุผลว่า ถ้าไม่ประสงค์จะใช้สิทธิ ก็สามารถทำบัตรให้เสีย หรือส่งบัตรเปล่าได้  ซึ่งผมก็ชี้แจงว่าการทำบัตรเสียนั้นโดยเจตนานั้น เป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนการส่งบัตรเปล่านั้น กฎหมายก็ถือว่าบัตรที่ไม่ได้ทำเครื่องหมาย เป็นบัตรเสียเช่นกัน ในที่สุดเสียงข้างมากก็เห็นด้วย และกำหนดไว้ในกฎหมายให้มีช่อง "ไม่ใช้สิทธิ" หรือ no vote  พร้อมทั้งบังคับด้วยว่า กรรมการเลือกตั้งต้องประกาศให้ทราบทั่วกันด้วยว่ามีผู้ "ไม่ใช้สิทธิ" เป็นจำนวนเท่าไร

           เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งแรก จำนวนผู้ "ไม่ใช้สิทธิ" แม้จะมีจำนวนพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะมีผลอะไรต่อการเลือกตั้ง จึงไม่มีใครให้ความสนใจกับช่อง "ไม่ใช้สิทธิ์" อีก

           แต่เมื่อเกิดวิกฤติทางการเมืองในครั้งนี้ ช่อง "ไมใช้สิทธิ" จึงมีบทบาทอย่างเด่นชัด และกลายเป็นช่องหายใจสำหรับประชาชนจำนวนมากที่มีความรู้สึกอึดอัดขัดข้องต่อกระบวนการจัดการเลือกตั้ง  และหลายสิบเขตเลือกตั้งผู้ได้รับเลือกตั้งได้รับคะแนนน้อยกว่า no vote  ซึ่งนับว่าเป็นการสมเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ประสงค์จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมือง การแสดงออกในการลงคะแนน no vote จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการมีส่วนร่วมและมีบทบาทในทางการเมืองของประชาชนอย่างสำคัญ

            ในขณะนี้ความรู้สึกอึดอัดก็ใช่ว่าจะหมดไป เพราะยังรู้สึกกันว่า จำนวนคะแนน no vote ถึงแม้จะมากมายเพียงไร ก็ยังไม่มีความหมายในทางกฎหมาย เพราะไม่ได้มีผลต่อการได้รับเลือกตั้งของคนที่ได้คะแนนสูงสุด  จะเป็นไปได้ไหมที่หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันข้างหน้า จะแก้ไขให้ คะแนน no vote มีบทบาททางกฎหมายขึ้น เช่น กำหนดว่า คนที่จะได้รับเลือกตั้ง จะต้องได้คะแนนมากกว่า คะแนน no vote  โดยถือว่าถ้าคะแนน no vote มีมากกว่าคนที่ได้รับคะแนนสูงสุด เป็นการแสดงเจตนาของประชาชนว่าไม่ต้องการผู้สมัครทุกคนที่สมัครในเขตนั้น  และต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยห้ามผู้สมัครเดิมลงสมัครใหม่ เพราะประชาชนได้ปฏิเสธไปแล้ว  ต้องเว้นวรรคไปสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นเสียก่อน จึงค่อยมาสมัครในคราวเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป  ด้วยวิธีนี้ คะแนน no vote ก็จะมีความหมาย  ในขณะเดียวกันก็เป็นมาตรการหรือเป็นดุลถ่วงพรรคการเมืองที่จะ "มั่ว" ในการส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง   ทั้งยังจะทำให้ประชาชนมีบทบาทในทางการเมืองเพื่อต่อต้านพรรคการเมืองที่ไม่ดีได้

            สำหรับการบังคับให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น ผมเห็นว่ายังสมควรอยู่  เพราะเมื่อทุกคนประสงค์จะได้ระบอบประชาธิปไตย และการเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย จึงสมควรเป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีสิทธิที่จะต้องไปใช้สิทธินั้น


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    2 พฤษภาคม 2549