เรียนท่านอาจารย์

ผมถูกฟ้องคดีเงินกู้ 1,300,000 บาท แต่ภายหลังได้มีการทำหนังสือรับสภาพหนี้ขึ้นมาและนำยอดหนี้จากการบริธุรกิจขาดทุน อีกหนึ่งยอดคือ 7,300,000 และในวันที่ทำรับสภาพหนี้ได้นำยอดเงินกู้ดังกล่าวมารวมเป็นยอด 8,600,000 แต่ในหนังสือรับสภาพหนี้ไม่ได้ระบุว่ายอดเงินกู้ได้นำมารวมกันแล้ว และไม่ได้นำสัญญาเงินกู้คืนทางเจ้าหนี้ได้แต่บอกว่าเดี๋ยวจะทำลายทิ้งซึ่งผมเข้าใจว่ามันเป็นสัญญาที่โมฆะไปแล้ว แต่ภายหลังเจ้าหนี้ได้นำสัญญาเงินกู้และหนังสือรับสภาพหนี้มาฟ้องเป็น 2 คดี คือยอด 1,300,000 และ 8,600,000 คดีที่หนังสือรับสภาพหนี้ผมไม่ได้ต่อสู้คดีศาลตัดสินแล้วแต่คดีที่เป็นเงินกู้ผมสู้คดีอยู่รอศาลตัดสินเดือนหน้า และผมได้นำหนังสือรับสภาพหนี้ของหุ้นส่วนที่ถือหุ้นและรับสภาพหนี้เท่ากันคือ 7,300,000 ในวันเดียวกันไปยืนยันต่อศาลว่ายอดของผมได้ถูกนำมารวมที่คดีที่ศาลตัดสินไปแล้วซึ่งยอดที่เกินมาเท่ากับยอดเงินกู้ แต่ทางเจ้าหนี้เค้าอ้างว่าเป็นยอดคนละตัวกัน ผมอยากทราบว่า

1.ถ้าเป็นแบบนี้ผมพอมีทางชนะมั้ยครับ

2.หากแพ้ผมยังอุธรณ์และฎีกาได้มั้ยครับ

3.พอจะมีวิธีหรือไปร้องเรียนที่ไหนได้บ้าง

4.หากถึงที่สุดแล้วผมต้องถูกฟ้องล้มละลายมีวิธีไหนที่ไม่ให้คนค้ำประกันถูกฟ้องล้มมั้ยครับ

ขอบคุณครับ

1. การแพ้หรือชนะในคดีความนั้น ตอบไม่ได้หรอก เพราะถ้าตอบก็เป็นการเดา  เพราะการแพ้ชนะกันนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ได้อยู่ที่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้นำพยานหลักฐานไปให้ศาลรับรู้ถึงข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่ เช่น อยู่ ๆ ก็มีคนยื่นฟ้องว่าคุณเป็นหนี้ ๑๐๐ ล้าน บาท คุณได้รับหมายศาลแล้วก็นั่งหัวร่อ ว่าไอ้คนฟ้องมันบ้า คุณไม่เคยกู้ยืมเงินใคร ว่าแล้วคุณก็อยู่บ้านเฉย ๆ คนฟ้องเขาก็นำพยานหลักฐานไปสืบฝ่ายเดียว เมื่อไม่มีเหตุอะไรจะสงสัย ศาลก็ต้องเชื่อพยานหลักฐานนั้นและตัดสินให้คุณแพ้คดี ทั้ง ๆ ที่ในชีวิตคุณยังไม่เคยเห็นเงินล้านเลย แต่เมื่อนั่งเฉย ๆ คุณก็แพ้คดีและถูกยึดทรัพย์ได้

2. โดยปกติสิทธิอุทธรณ์และฎีกามีอยู่เสมอ

3. ไปร้องเรียนกับใคร ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องของศาล

4. ไม่มีทาง เจ้าหนี้เขาก็ต้องฟ้องคนค้ำประกันเสมอ มิฉะนั้นเขาจะบีบให้ต้องมีคนค้ำประกันทำไม