รถไฟเก็บค่าที่จอดรถ
จากการที่ตั้งแต่สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยหลายมาตรการ เช่น ใช้ไฟฟ้า ประปาฟรี รถเมล์ฟรี และรถไฟฟรี
เนื่องจากเป็นผู้ใช้บริการรถไฟเป็นประจำโดยจะขึ้นจากจังหวัดฉะเชิงเทรามาทำงานที่ กทม. (หัวลำโพง) เสียค่าโดยสาร 13 บาท ต่อมาเมื่อมีรถไฟฟรีก็ไม่เสียค่าโดยสาร แต่หลังจากมีรถไฟฟรีไม่นานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2551 สถานีชุมทางฉะเชิงเทราก็เรียกเก็บค่าจอดรถ
ซึ่งผมก็คิดว่าทำไมรถไฟถึงมีความคิดอย่างนี้ บริหารไม่ดีโกงกันจนเป็นหนี้ แล้วจะมาหารายได้โดยการขูดรีดกับประชาชน เคยเห็นแต่นโยบายรัฐบาลที่ให้ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการในการจัดหาที่จอดรถให้ฟรี บางที่จัดรถรับ-ส่งให้ด้วย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการรถสาธารณะ แต่รถไฟนี่มีนโยบายแปลกๆ แบบสวนกระแส ประชาชนเคยจอดรถฟรีมาแต่ไหนแต่ไร อยู่ๆ จะมาเรียกเก็บค่าจอด มันสมควรแล้วหรือ ?
ปัจจุบันค่ารถโดยสารก็ขึ้นราคา บางคนเลยขับรถมาเอง หรือบางคนบ้านไกลกลับมาไม่มีรถกลับบ้านก็เอารถมาจอด หรือว่านายสถานีฉะเชิงเทรารู้เห็นกับรถรับจ้างที่ขึ้นราคาค่าโดยสาร
อยู่การรถไฟที่ตั้งขึ้นมาเดินรถจะมาหารายได้จากการบริการที่จอดรถ ถ้าเปรียบเทียบกับห้างสรรพสินค้าเค้ายังแฟร์กว่าเลย ถ้าใครมาซื้อของเค้าก็ไม่ต้องเสียค่าจอดรถ บางห้างให้จอดฟรีด้วยซ้ำไปไม่ว่าจะซื้อของหรือไม่ แต่นี่มาขึ้นรถไฟแท้ๆ กลับเก็บค่าจอดรถ
จึงมีคำถาม ดังนี้
1. การเรียกเก็บค่าจอดรถดังกล่าวผมเข้าใจว่าสามารถทำได้ตาม พ.ร.บ.การรถไฟฯ แต่อาจขัดต่อหลักการให้บริการสาธารณะ (ขอความเห็นจากอาจารย์)
2. ที่จังหวัดฉะเชิงเทรามีสถานีรถไฟหลายแห่งแต่มีการเรียกเก็บค่าจอดรถเพียงสถานีเดียว ขัดกับหลักความเสมอภาคในการจัดบริการสาธารณะหรือไม่ ?
3. การเก็บค่าจอดรถของการรถไฟขัดต่อ พ.ร.บ.การรถไฟฯ มาตรา 38 ที่ให้ดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน และมาตรา 41 ขัดต่อนโยบายทางเศรษฐกิจและการคลังของคณะรัฐมนตรีหรือไม่ (การลดค่าครองชีพโดยให้ประชาชนโดยสารรถไฟฟรี ที่ยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน)
ขอบคุณครับ |