1.ผมได้รู้จักนาย ก. เนื่องด้วยความไว้ใจ  นาย ก.ได้ไว้วานให้ไปช่วยประกันบุคคลหนึ่งซึ่งนาย ก.จะไปช่วยเหลือแต่หลักประกันไม่พอ(ประกันคดี) โดยนาย ก.ขับรถไปรับผมที่บ้าน

2.เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมได้เซ็นชื่อสำเนาถูกต้องโดยไม่มีการสลักเพิ่มเติมว่าเพื่ออะไร  และวางไว้ที่รถนาย ก.

3.นาย ก.ไม่ได้พาไปประกันตัวคดีแต่ได้พาผมไปที่บริษัทขายรถแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทขายรถชนิดเดียวกันกับรถที่ผมกำลังใช้อยู่

4.ผจก.บริษัทขายรถซึ่งรู้จักกันดีกับนาย ก. ได้สอบถามเรื่องจะเปลี่ยนรถใหม่ให้ผม และให้ส่งเอกสารตรวจสอบเครดิตบูโร

5. ผ่านไปประมาณเกือบสองเดือนมีหนังสือแจ้งให้ผมไปชำระงวดรถยนต์ที่ค้งชำระ โดยระบุว่าผมเป็นบุคคลเช่าซื้อและมีนาย ก.เป็นผู้ค้ำประกัน  ผมจึงได้ติดต่อหานาย ก.  นาย ก.ก็ยอมรับว่า นาย ก.เป็นผู้แอบอ้างใส่ชื้อผมเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ และรถยนต์ก็อยู่กับนาย ก. พร้อมรับปากว่าจะชำระงวดรถยนต์ให้เป็นปกติ  ไม่ให้ผมปัญหาใด ๆ เลย

6.บริษัทรถติดตามค่างวดรถยนต์พร้อมมีพนักงานบริษัทไฟแนนท์ติดตามผมถึงบ้านเรือน  ผมก็ชี้แจงไปตามตรง และผมได้ไปพบกับพนักงานขาย(ผจก.บริษัทขายรถ)  ผจก.คนนั้นเขาก็ได้ติดต่อกับนาย ก.ทางโทรศัพท์ ให้นาย ก.มาชำระค่างวดรถยนต์ ซึ่งนาย ก.ก็ชำระได้เพียงบางงวดเท่านั้น  และผมได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจไว้เป็นหลักฐาน

7.จนท.ไฟแนนท์ติดตามรถยนต์จากนาย ก. จนในที่สุดก็พบนาย ก. แต่ปรากฎว่าไม่เห็นรถยนต์คันดังกล่าว โดยนาย ก.แจ้งกับ จนท.ไฟแนนท์ว่า รถนำไปซ่อนไว้และไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน  จนท.ไฟแนนท์ก็ทำอะไรไม่ได้

8.นาย ก.ไม่มีทรัพย์ใด ๆ ชอบหลอกหลวงตต้มตุ๋นผู้คนไปวัน ๆ

9.บริษัทไฟแนนท์มีหมายศาลถึงผมในฐานะผู้เช่าซื้อ

10.ผมจะมีวิธีต่อสู้คดีอย่างไร  ผมไม่เคยใช้หรือครอบครองรถยนต์คันนี้เลย  ผจก.ผู้ขายรถเข้าข่ายหลอกลวงหรือเปล่า