ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    045569 รถจักรยานยนต์หายครูดา29 สิงหาคม 2554

    คำถาม
    รถจักรยานยนต์หาย

           ได้ซื้อรถจักรยานยนต์ ราคา 46,000 บาท ทำประกันชั้นหนึ่ง  ปัจจุบันคงเหลือที่ 13,000 บาท  และรถได้หายโดยมีคนร้ายมาขโมย ขณะจอดอยู่ที่ข้างบ้าน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณ เกือบ 2 ปี และได้แจ้งกับบริษัทผู้ขายรถแล้ว ต่อมาได้รับหนังสือจากฝ่ายกฏหมาย ประมาณ 6 เดือน หลังจากรถหาย ว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มในส่วนที่ผ่อนชำระยังไม่หมด ดิฉันก็ไม่ยอมจ่าย และเรื่องดังกล่าวก็หายเงียบไป เนื่องจากดิฉันแจ้งฝ่ายกฏหมายว่ารถทำประกันชั้นหนึ่ง ต่อมาทางบริษัทฝ่ายกฏหมายก็มีหนังสือมายังผู้คำประกันว่าให้ดิฉันไปชำระเงินและได้โทรมาหาหลายครั้งดิฉันก็บอกว่าจะไม่จ่าย แต่ก็ได้รับคำชี้แจงประมาณว่าต้องจ่าย หากไม่จ่ายจะต้องไปขึ้นศาล และต้องเสียเวลา หายไม่เชื่อคำสั่งศาลก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าจำนวน 13,000 บาท และต้องเสียเวลา

         ก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ จนท.ก็ได้โทรมาติดตามหนี้ สามีมีความรู้สึกกังวลและรำคาญกลัวจะต้องไปขึ้นศาลก็รับปากกับ จนท. ว่าจะจ่ายเงิน แต่ก็ไม่ได้จ่ายตามที่บอก  และวันนี้ (29 สค.).ฝ่ายกฏหมายที่ติดตามหนี้ก็ได้โทรมา บอกว่าทำไม่ไม่จ่ายเงิน ดิฉันคุยกับฝ่ายนิติกรที่ติดตามหนี้ บอกว่าจะไม่จ่ายเนื่องจากเรื่องเงียบไปนานแล้ว และดิฉันก็พูดว่าเวลาซื้อรถบริษัทรถก็ให้ทำประกันชั้นหนึ่งแล้วบอกว่าคุ้มครองรถหาย พอเวลารถหายบริษัทก็ไม่รับรู้ ให้ฝ่ายกฏหมายจัดการ ดิฉันพูดว่ามีความรู้สึกว่าผู้บริโภคเสียเปรียบ ดิฉันก็พูดไปมากมาย จนท. ก็คงจะไม่ค่อยพอใจ บอกดิฉันว่าให้ไปขึ้นศาล หากมีคำสั่งศาลคุณจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ ดิฉันก็บอกว่าไม่เป็นไร  แต่ขณะนี้ดิฉันมีความกังวลมากว่า เรื่องเล็ก ๆ คล้ายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้ฝ่ายกฏหมายก็มีแต่ขู่เรา และเขายังพูดแบบ ถ้าคนไม่รู้ หรือไม่มีการศึกษาต้องกลัว และเชื่อคำพูดของเขา เหนือคำบรรยายคะอาจารย์ ช่องว่างมันมากมาย จากเรื่องราวดังกล่าว ใคร่ขอเรียนถามอาจารย์ด้วยความเคารพคะ

    1. ดิฉันจะดำเนินการอย่างไร

    2. ขณะนี้หลักฐานต่าง ๆ ของดิฉันในการทำประกันรถได้สูญหายตอนเกิดน้ำท่วมหนักที่หาดใหญ่

    3. หากเดิฉันไปขึ้นศาลแล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มจำนวนเท่าไร ต้องจ้างทนายหรือไม่ดิฉันคงต้องลาโรงเรียน เพื่อไปขึ้นศาล

    4. ฝ่ายติดตามหนี้ เห็นแก่ตัวพูดแต่จะให้ฝ่ายเราจ่ายอย่างเดียว ดิฉันมีความรู้สึกว่าประชาชนโดนเอาเปรียบ ดิฉันไม่อยากเป็นเช่นนั้น ดิฉันจะสู้เพื่ออะไรก็ไม่รู้

    5. จะมีโอกาสที่จะไม่ต้องชำระเงินส่วนนี้ได้หรือไม่ และต้องดำเนินการอย่างไร ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง ที่ให้ความรู้กับดิฉันในหลายเรื่อง ๆ  ขอให้อาจารย์ มีสุขภาพ พลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ตลอดไปคะ ขอขอบพระคุณยิ่ง

    คำตอบ

    1. วิธีที่ดีที่สุดก็คือศึกษา กรมธรรม์ประกันภัย ศึกษาสัญญาซื้อรถให้ละเอียดจะได้รู้ว่า ฐานะของคุณเป็นอย่างไร สิทธิและหน้าที่ของคุณมีอย่างไรแล้วจึงปฏิบัติตามนั้น   การที่คุณซื้อรถแล้วบริษัทเขาบังคับให้คุณประกันภัยชั้น ๑ นั้น น่าจะเป็นการประกันภัยเพื่อประโยชน์ของคุณ  เมื่อรถหาย คุณก็มีสิทธิไปเรียกร้องเอาจากบริษัทประกันภัย เมื่อได้เงินมา คุณก็นำไปชำระหนี้ที่ค้างส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็ตกเป็นของคุณ  แต่เมื่อรถหายแล้วคุณก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะไปนึกเอาเองว่า เป็นเรื่องของบริษัทที่ขายรถจะต้องดำเนินการให้  ซึ่งเขาไม่มีหน้าที่อะไรที่จะต้องทำ เขามีแต่สิทธิที่จะมาเรียกเงินที่ค้างอยู่จากคุณ

    2. ก็ต้องไปขอสำเนาจากบริษัทประกันภัย แต่เมื่อล่วงเลยมาถึงขนาดนี้เขาจะยังมีให้หรือไม่ก็ยังสงสัยอยู่

    3. เมื่อต้องขึ้นศาล สิ่งที่ต้องเสียก็คือ ค่าใช้จ่ายในการสู้คดี เช่นค่าทนายความ ค่าเดินทาง แต่เมื่อมีทนายความแล้วคุณอาจไม่จำเป็นต้องไปศาลด้วยตัวเองก็ได้  แต่ถ้าแพ้คดี ก็ต้องจ่ายค่าทนายของบริษัท ค่าดอกเบี้ย ค่าเสียหาย ค่าติดตามทวงหนี้ สุดแต่เขาจะฟ้องเรียกเอา

    4. เขาไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอก เพราะคุณมีหน้าที่ต้องจ่ายจริง ๆ ซื้อของใครเขาแล้วก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าของนั้นจนกว่าจะหมด ไม่ว่าของนั้นจะยังอยู่หรือหายหรือกินไปหมดแล้วก็ตาม

    5. อันที่จริงถ้าคุณดำเนินการตามสิทธิของคุณ นอกจากคุณจะไม่ต้องควักกระเป๋าแล้ว ยังได้เงินค่ารถที่ส่งไปแล้วคืนมาอีกด้วย อ่านข้อ ๑ ดูก็จะรู้

         เวลาไปทำสัญญาอะไรกับใครเขาน่ะ สิ่งที่ต้องจำไว้ก็คือ หลักฐานเหล่านั้นเป็นของสำคัญต้องเก็บไว้ให้ดี  และที่สำคุญที่สุดก็คือต้องอ่านให้ละเอียดจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร  อย่าไปนึกเอาเองหรือฟังแต่เฉพาะที่เขาเล่าให้ฟัง


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    29 สิงหาคม 2554