เรียนท่านอาจาร์ยมีชัยที่เคารพ

ขอความกรุณาปรึกษาปัญหาจากท่านดังนี้ครับ  ณ โอกาสนี้ ขอพรพระสยามเทวาธิปกป้องคุ้มภัยท่านจากภยัตรายทั้งปวง

ในการกู้ยืมเงิน ถ้าผู้กู้วางเช๊คไว้ให้ โดยระบุในสัญญาตกลงกันว่าวางไว้เพื่อเป็นการชำระหนี้

ทั้งในที่จริงคือการวางไว้เพื่อค้ำประกันเงินกู้

ผมในฐานะผู้ให้กู้มีความทุกข์ใจมาก ขอคำแนะนำจากท่านในการดำเนินคดีต่อผู้กู้ที่ผิดนัดและโกงกระผมด้วยครับ

1. ผมควรทำอย่างไรต่อไปให้รัดกุมครับ

2.จะฟ้องคดีอาญาต่อผู้ผิดนัดได้หรือไม่ครับ

3.การผิดนัดชำระหนี้เริ่มนับตั้งแต่วันไหนครับ  คือเริ่มนับวันครบกำหนดชำระหนี้เลยหรือวันถัดไป

4.อายุความในการแจ้งความหรือฟ้องร้องดำเนินคดี  มีกี่ปี ครับ และนับวันครบอายุความอย่างไร

เช่น ถ้าอายุความ หนึ่งเดือน  สมมุติ ถ้าเกิดครบกำหนดชำระหนี้ในวันที่  5   อายุความจะขาดในวันที่ 4 ,5 หรือ 6 ในเดือนถัดไปครับ

และฟ้องร้องในวันสุดท้ายที่ขาดอายุความได้หรือไม่

5.ใบคืนเช๊คจากธนาคารมีความสำคัญ และต้องนำไปใช้ในการแจ้งความด้วยหรือไม่

6.ถ้าเกิดถึงวันครบกำหนดเรานำเช๊คไปขึ้นเงิน แล้วไม่มีจ่ายเรา    แต่ยังไม่ได้นำใบคืนเช๊คมาด้วยและก็ยังไม่ได้แจ้งความ เนื่องจากมีการผ่อนพันให้ผู้กู้ชำระหนี้

ผ่านไป  3 เดือนก้ยังไม่ยอมชำระอีก   ถ้าคราวนี้นำเช๊คไปขึ้นอีกที และนำไบคืนเช๊คจากธนาคามาด้วย อยากทราบว่า อายุความในการแจ้งความจะเริ่มนับจากที่ไปธนาคารครั้งแรก หรือ ครั้งล่าสุด 

อายุความในการแจ้งความหมดไปหรือยัง

7.คดีนี้ถ้าแจ้งตำรวจไปแล้ว ยอมความกันได้หรือไม่   

ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

1. การจะดำเนินการต่อไปให้รัดกุม ก็คงต้องหาทนายความนั่นแหละ

2. การผิดนัดไม่ชำระหนี้ไม่เป็นคดีอาญา เป็นเรื่องทางแพ่ง

3. เริ่มเมื่อถึงกำหนดชำระหนี้แล้วไม่ชำระ การผิดนัดก็เกิดขึ้น

4. ถ้าหมายถึงความผิดเกี่ยวกับเช็ค ก็ต้องร้องทุกข์เสียภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด

5. มีความสำคัญซี เพราะเป็นหลักฐานว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน

6. ถ้ามีหลักฐานว่าเจ้าหนี้รู้แล้วว่าไม่มีเงิน อายุความก็ต้องนับแต่นั้น

7. ความผิดเกี่ยวกับเช็ค เป็นความผิดอันยอมความกันได้ ไม่ว่าจะแจ้งความหรือไม่แจ้งความก็ยอมความกันได้

      อนึ่ง การออกเช็คเพื่อค้ำประกัน ไม่เป็นความผิดอาญาตามกฎหมาย เพราะไม่มีเจตนาให้ชำระเงินกันมาแต่ต้น