เท่าที่ตรวจดู พรบ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดอำนาจของคณะกรรมการ ปปท.ไว้ ยังไม่พบเห็นว่ามีอำนาจในการปราบปรามการพนัน หรือการกระทำผิดของประชาชน ทั้งเจตนารมณ์ของกฎหมายและบทบัญญัติ มาตรา ๑๗ ของ พรบ.ดังกล่าว ที่พอจะเป็นชิ้นเป็นอันได้ ๓ อย่าง คือ
(ก) ไต่สวนข้อเท็จจริงและชี้มูลเกี่ยวกับการกระทำการทุจริตในภาครัฐของเจ้าหน้าที่ของรัฐ (อยู่ในมาตรา ๑๗ (๔))
(ข) ไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนพร้อมทั้งความเห็นส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ (อยู่ใน ม. ๑๗ (๕)) และ
(ค) ปฏิบัติการอื่นตามพรบ.ดังกล่าวหรือการอื่นใดเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายหรือคณะกรรมการ ปปช มอบหมาย (อยู่ใน ม. ๑๗ (๘))
นอกจากนั้นก็เป็นอำนาจในการเสนอแนะบ้าง จัดทำรายงานบ้าง
อำนาจหน้าที่เหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับการจับโจรผู้ร้ายหรือการกระทำผิดกฎหมายของประชาชน
แม้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ การจะเข้าไปในเคหสถานใด ๆ ก็ต้องขอให้ศาลที่มีเขตอำนาจออกหมายให้ (ตามม. ๑๘ (๓)) หรือขอให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐให้ความช่วยเหลือสนับสนุนหรือเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ก็เฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น ยังไม่เห็นมีที่ไหนบอกว่า คณะกรรมการ ปปท.มีอำนาจไปจับยาเสพติด หรือการพนันที่ไหนได้ (หรือจะมีอยู่ที่ไหนที่ผมอ่านไม่พบก็ไม่รู้)
ที่สำคัญอำนาจที่ว่ามาข้างต้น เป็นอำนาจของ คณะกรรมการ ปปท. ไม่ใช่อำนาจของสำนักงาน ปปท. หรือเลขาธิการ ปปท. สำหรับสำนักงาน ปปท.มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา ๕๑ ซึ่งที่เป็นชิ้นเป็นอันก็มีเพียง รับผิดชอบงานธุรการของ คณะกรรมการ ปปท. และประสานงานและให้ความร่วมมือกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐอื่นที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต ไม่ได้มีอำนาจไปจับกุมใครได้
ดังนั้นการทำงานสำคัญ ๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการสอบสวนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีคณะกรรมการ ปปท.แล้ว แต่จนบัดนี้มีคณะกรรมการ ปปท.แล้วหรือไม่ จำไม่ได้แล้ว
การทำอะไรโดยไม่ได้นึกถึงอำนาจหน้าที่ที่แท้จริง บางทีก็อาจเป็นอันตรายแก่ตัวผู้ปฏิบัติ (แม้จะหวังดีอย่างไรก็ตาม) ได้ เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๕ บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มีชัย ฤชุพันธุ์ 6 พฤษภาคม 2554 |