เนื่องด้วยมารดา โอนทีดินจำนวน 200 ตรว. ให้บุตรชายเมื่อปี 2537 ทางบ้านค้าขายอาหารเป็นกิจการหลักของครอบครัว แต่ต้องการเรียกคืน เนื่องจากบุตรชาย ประพฤติเนรคุณ ไม่เลี้ยงดู พูดจาให้เจ็บช้ำน้ำใจ  เหตุการเริ่มเมื่อประมาณ ปี 2547  บุตรชายพาผู้หญิงเข้าบ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มมีปากเสียงกันมาเป็นระยะ ๆ จนกระทั้ง ปี 2552 บุตรได้แต่งงาน 6-มิ.ย 52  แม่ต้องการเรียกคืนที่ดิน 100 ตรว. คืน ได้ไปติดต่อที่กรมที่ดินเพื่อทำการรางวัดขอแบ่งแยกโฉนด แต่มีปากเสียงกับลูกชาย จึงไม่ได้ไปงานแต่งงาน แต่ได้ให้เงินไป 20,000 บาท และได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าจะไปร่วมงาน  ลูกชายจึงเข้ามาแจ้งว่าจะไม่ยกที่ดินที่เคยสัญญาให้แล้ว และย้ายออกไปอยู่ข้างนอกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่เมื่อประมาณปี 2553 ลูกชาย ได้กลับเข้ามาขอค้าขาย ที่ร้านที่ทางเช่าไว้เหมือนเดิม เนื่องจากแม่ไม่สบาย ยังไม่สามารถค้าขายได้ตามเดิม ต่อมาปี 2554  มารดา แจ้งว่าต้องการกลับมาค้าขายเนื่องจากสามารถทำงานได้บ้างแล้ว แต่บุตรปฏิเสธที่จะคืนที่ค้าขายให้ มารดา จึงได้ดำเนินการไปติดต่อที่กรมที่ดิน เพื่อขอดูโฉนด ซึ่งทางกรมที่ดิน แจ้งว่า บุตรชายได้มาแจ้งว่า โฉนดหาย และได้ขอทำโฉนดขึ้นมาใหม่ โดยไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ในวันที่ 8-6-2552 แต่ทำการออกโฉนดใหม่ ในวันที 9-6-2552 และได้ทำการแบ่งแยกที่ดินที่เคยรางวัดจำนวน 100 ตรว.  ให้กับ พี่สาว โดยมี บิดา และ พี่สาว  เป็นผู้รับรองว่าโฉนดที่ดิน สูญหาย จริง แต่ความจริงแล้ว ทุกคนทราบดีอยู่ว่าโฉนด ยังอยู่กับแม่ 

อยากทราบว่าตามเหตุการณ์ข้างต้น มารดา มีสิทธิเรียกคืนที่ดิน ทั้งหมด 200 ตรว คืนได้หรือไม่ และการกระทำของบุตรชาย ถื่อเป็นการแจ้งความเท็จ เรื่องโฉนดสูญหายหรือไม่ และ ผู้รับรอง ทั้ง บิดา และ พี่สาว จะมีการผิดฐานแจ้งเท็จด้วยหรือไม่ เพราะรู้เห็นการกระทำดังกล่าวทั้งหมดตั้งแต่ต้น   และการได้มาซึ่งที่ดิน 100 ตรว. ที่ทำรางวัดใหม่นั้น ผิดตามหลักกฏหมายหรือไม่ เพราะได้มาโดยไม่สุจริต 

ทรัพย์สินที่ยกให้ใครไปแล้ว จะไปเอาคืนไม่ได้  เว้นแต่ผู้รับประพฤติเนรคุณ จึงจะเรียกคืนได้  แต่การที่กฎหมายถือว่าเป็นการเนรคุณนั้น มี ๓ อย่าง คือ ผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรง หรือ ผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ ผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้  ส่วนการที่ลูกชายไปแจ้งความว่าโฉนดหายทั้ง ๆ ที่รู้ว่าโฉนดอยู่กับมารดานั้น ก็เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ ยังไม่เกี่ยวกับการเนรคุณหรือไม่เนรคุณ