พ่อขอให้ช่วยเซ็นต์เอกสารกู้ร่วมค่ะ โดยบอกว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
แต่ที่ต้องให้ช่วยเซ็นต์ เพราะอายุเกิน
โดยจะกุ้จากธนาคารออมสิน วงเงิน 1 ล้านบาท
พ่ออายุ 65 ปี บำนาญ 30,000 บาท
โดยบอกว่าไม่ต้องบอกใครที่บ้าน เพราะจะยุ่งยาก (แยกกันอยู่นานแล้ว)
ขอความรู้จากอาจารย์ว่า
1. ถ้ามีเงือนไขเรื่องอายุ แล้วใครเป็นผู้กู้หลักกันแน่
2. หากยอมช่วยเซ็นต์ เราต้องรับภาระหนี้จากธนาคาร เมื่อใด
ขอบคุณมากนะคะ คิดว่าอาจารย์ช่วยได้มาก เพราะว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย ไม่เคยกู้ ผ่อนของจากบัตรเครดิตยังไม่เคยเลยค่ะ ไม่ชอบใช้เงินจากอนาคตค่ะ
1. การที่ใครจะเป็นผู้กู้หลักหรือผู้กู้รอง ไม่ได้มีผลอะไรกับคนที่ลงชื่อเป็นผู้กู้ร่วม เพราะทั้งสองคนเป็นลูกหนี้ร่วม เจ้าหนี้เขาจะเอาเงินคืนจากใครก็ได้ ถ้าหนี้นั้นไม่ได้รับการชำระให้ถูกต้อง เขาก็เรียกเอาจากทั้งสองคน หรือคนใดคนหนึ่งได้เสมอ
2. เมื่อคุณลงชื่อ คุณก็ต้องรับภาระหนี้จากธนาคารในทันที ข้อสำคัญเมื่อคุณลงชื่อเป็นผู้กู้ร่วมแล้ว คุณอาจนึกว่าไม่ใช่หนี้ของคุณ แต่สถาบันการเงินเขาจะถือว่าเป็นหนี้ของคุณ และลงประวัติไว้ เมื่อใดที่พ่อคุณไม่ส่งเงินให้ครบถ้วน เขาก็จะลงประวัติว่าคุณและพ่อคุณผิดนัด ต่อไปคุณจะกู้เงินของคุณเอง คุณก็จะติดประวัติอันนี้ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า black list นั่นแหละ การที่ธนาคารออมสินเขาไม่ยอมให้พ่อคุณกู้เงิน ก็เพราะเขาเห็นแล้วว่าไม่อยู่ในฐานะที่จะชำระหนี้ให้ตลอดรอดฝั่งได้ ว่าง ๆ เข้าไปอ่านในหัวข้อ "ค้ำประกัน" ดู เพราะการเป็นผู้กู้ร่วมน่ะ หนักกว่าผู้ค้ำประกันอีกเท่าตัว ถ้าคุณไปเซ็นชื่อเป็นผู้กู้ร่วมเข้าเมื่อใด เวลาพ่อคุณผิดนัด ทั้งคุณและพ่อคุณจะหมดตัวด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครช่วยใครได้ แต่ถ้าคุณไม่ลงชื่อ เวลาพ่อคุณหมดตัว จะยังมีคุณคอยส่งเสียเลี้ยงดูพ่อต่อไปได้ เงิน ๑ ล้านนั้น ไม่มากนัก เวลาเอาไปใช้ ไม่นานก็หมด แต่เวลาชำระหนี้คืน เงิน ๑ ล้านจะมากมายมหาศาลใช้หนี้ไม่รู้จักหมด ลำพังดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน ก็เกินกว่าที่คนเงินเดือน ๓๐,๐๐๐ จะแบกรับได้อยู่แล้ว ที่พ่อคุณบอกว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรน่ะ แปลว่าพ่อคุณยังไม่รู้ถึงความหนักเบาแห่งการเป็นหนี้ร่วม อย่างไรก็ตามในกรณีที่คุณมีเงินของตัวเอง หรือมีรายได้มากเพียงพอที่จะรับผิดชอบในหนี้นั้นต่อไปได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทำใจเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณของพ่อ แต่ควรบอกพ่อให้รู้ไว้ว่าเมื่อไรไม่ได้ผ่อนส่งเขาตามกำหนดต้องรีบบอกคุณทันที คุณจะได้ผ่อนส่งต่อ โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราสูงในระหว่างผิดนัด (เมื่อใดที่ผิดนัดไม่ชำระเงินครบถ้วนตามกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกปรับไปเป็นอัตราสูง บางแห่งคิดถึงร้อยละ ยี่สิบกว่า)