ดิฉันมีข้อสงสัยจะกราบเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ คือ

ดิฉัน(ผู้เช่า)ทำสัญญาเช่าพื้นที่กับบริษัทแห่งหนึ่ง(ผู้ให้เช่า) โดยดิฉันตั้งใจจะเช่าเพื่อเปิดกิจการสอนเต้นลีลาศจึงขอเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ

ข้อ 1 ในสัญญาระบุว่า "...ผู้เข่าตกลงว่าจะใช้สถานที่เข่าเพื่อวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจประเภทสอนเต้นลีลาศและใช้ชื่อสถานประกอบการค้าว่า....เพื่อจำหน่ายสินค้าและ/หรือให้บริการประเภทธุรกิจสอนเต้นลีลาศด้วยตนเองเท่านั้น"

อย่างนี้ (ก) ถ้าดิฉันเปิดสอนลีลาศแต่อาจไม่ได้สอนเองอย่างนี้จะผิดสัญญาหรือไม่        (ข) ถ้าดิฉันเปิดสอนลีลาศแต่มีเพื่อนร่วมสอนด้วยอย่างนี้จะผิดสัญญาหรือไม่ 

ข้อ 2 ในสัญญาเช่าระบุว่า "สัญญาเช่าพื้นที่ฉบับนี้ทำขึ้นระหว่างบริษัท......ซึ่งต่อไปในสัญญาฉบับนี้จะเรียกว่า ผู้ให้เช่า ฝ่ายหนึ่งกับ.........ซึ่งต่อไปในสัญญาฉบับนี้จะเรียกว่า ผู้เช่าอีกฝ่ายหนึ่ง"

(ก) ถ้าดิฉันจะประกอบธุรกิจโดยเสียภาษีในรูปของคณะบุคคล ในสัญญาเช่าจะต้องระบุชื่อของดิฉันคนเดียวเป็นคู่สัญญาหรือระบุชื่อคณะบุคคลค่ะ

(ข) ถ้าดิฉันจะประกอบธุรกิจ การจัดตั้งคณะบุคคลต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชีไหมและหากจะเลิกกิจการต้องมีการชำระบัญชีไหม

ข้อ 3 การที่ดิฉันเช่าสถานที่มาเปิดสอนลีลาศอย่างนี้ถือว่าดิฉันเป็นผู้บริโภคไหม และหากมีกรณีที่ต้องฟ้องร้องจะเป็นคดีผู้บริโภคไหม

ข้อ 4 ในสัญญาระบุว่า "ถ้าผู้เช่าผิดข้อกำหนดหรือเงื่อนไขใดๆของสัญญาในข้อหนึ่งข้อใด ผู้ให้เช่าจะให้คำบอกกล่าวแก่ผู้เข่าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อให้ผู้เช่าปฎิบัติตามข้อสัญญา ข้อกำหนด ผู้เช่าไม่ปฏิบัติตาม ผู้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่า และผู้ให้เช่ามีสิทธิริบเงินประกั้นการเช่าตามสัญญานี้ ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิผู้ให้เช่าที่จะเรียกค่าเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้เช่าผิดสัญญาดังกล่าว" อย่างนี้ หากผู้ให้เช่าได้ริบเงินประกันการเช่าแล้ว ผู้ให้เช่ายังเรียกค่าเสียหายได้อีก เงินประกันค่าเช่าที่ริบไปไม่ถือว่าเป็นค่าเสียหายหรอค่ะ

ข้อ 5 ในสัญญาบางข้อได้กำหนดให้ผู้ให้เช่าสามารถปรับผู้เช่าได้หากผู้เช่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ละเลยหรือเพิกเฉย เรื่องเบี้ยปรับในกรณีของดิฉันนี้ ศาลจะปรับลดลงให้ได้ไหม

1. ถ้าคุณเปิดกิจการของคุณเอง ก็เป็นการถูกต้องตามสัญญา ส่วนจะเอาใครมาสอนบ้างก็ไม่เกี่ยวกัน

2. กฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องมีผู้สอบบัญชี ว่าแต่ว่ารู้แล้วหรือว่าคณะบุคคลคืออะไร และจัดตั้งอย่างไร

3. คนที่มาเรียนกับคุณ จึงเป็นผู้บริโภค คุณเป็นผู้ประกอบกิจการ

4. อ้าว ก็ไปทำสัญญากับว่าเขาอย่างนั้น ก็ต้องเป็นไปตามนั้นน่ะซี  เพราะเขาอาจมีความเสียหายอย่างอื่นมากกว่าค่ามัดจำก็ได้ เช่น ถึงเวลาบอกเลิกสัญญาแล้ว อีก ๑ ปี คุณถึงคนย้ายออก จนเขาต้องไปฟ้องร้อง เสียค่าทนาย เสียโอกาสที่จะให้คนอื่นเช่า เขาก็ต้องเรียกเอาได้

5. ค่าปรับนั้นศาลมักจะพิจารณาตามความเหมาะสม ถ้ากำหนดกันไว้เกินไป ศาลก็อาจลดลงได้

      ถ้าคุณมีความรู้ทางกฎหมายก็แล้วไป  แต่ถ้าไม่เคยเรียนกฎหมายเลย  ก็น่าสงสัยว่าคุณคงไปฟังคนพูดมา แล้วเลยเข้าใจว่าตนเองรู้กฎหมาย ซึ่งน่าจะเป็นอันตรายยิ่งกว่าคนไม่รู้ แล้วยอมรับว่าไม่รู้ เพราะในกรณีนั้นเขาจะไปปรึกษาทนายความเพื่อให้ทำสัญญาให้รัดกุมได้