กราบสวัสดีค่ะ ท่านมีชัยดิฉันมีปัญหาเกี่ยวกับคดียักยอกทรัพย์ กล่าวคือ คนที่ดิฉันรู้จักได้ทำการยักยอกทรัพย์บริษัทมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ยอดเงินจำนวน 2 แสนบาท ตอนนี้ได้มีหมายจับมาเรียกเพื่อนดิฉันให้ไปรับข้อกล่าวหา และในระหว่างนั้นทางนายจ้างได้ทำหนังสือให้เพื่อนดิฉันชำระยอดเงินจำนวน 2 แสนบาท แบ่งเป็นงวดแรก 75000 บาท และงวดที่ 2 อีก 125000 บาท ซึ่งตอนนี้เพื่อนดิฉันได้ชำระงวดแรกไปแล้วแต่นายจ้างได้ทำการยึดรถไว้ โดยแจ้งว่าหากไม่นำเงินจำนวน 125000 บาทมาคืน จะไม่คืนรถให้..เพื่อนดิฉันบอกว่า นายจ้างแจ้งให้ชำระเงิน 200000 บาท แต่จะไม่ยอมถอนแจ้งความ เค้าบอกว่ามันเป็นคนละส่วนกัน ถึงเราจ่าย 2 แสนแล้วเราก็ต้องไปขึ้นศาลอยู่ดี ทั้งๆที่เรายอมชำระเงินตามที่นายจ้างต้องการแล้ว (ง่ายๆคือยังไงนายจ้างก็จะเอาให้ขึ้นศาลให้ได้ค่ะ)
1. เค้ามีสิทธิ์ยึดรถไว้ไหมคะ?
2. ถ้าหากขึ้นศาลแล้ว อยากทราบว่าศาลจะตัดสินอย่างไรบ้างคะ?(ข้อนี้อาจจะทราบว่าอยู่ที่ดุลพินิจของศาล เพียงแต่ท่านสามารถบอกคร่าวๆได้ไหมคะ)
3. หากเพื่อนดิฉันไม่เคยมีประวัติไม่ดีมาก่อน มีสิทธิ์ได้รับการรอลงอาญาไหมคะ?
ขอบพระคุณท่านมีชัยอย่างสูงค่ะ ...
1. คนธรรมดาทั่วไปไม่มีอำนาจที่จะเที่ยวได้ไปยึดทรัพย์ของใครได้ จะต้องไปฟ้องศาลเมื่อศาลสั่งแล้วจึงจะยึดได้ เว้นแต่บางกรณีที่อาจมีสิทธิยึดหน่วงไว้ได้ แต่ไม่ใช่กรณีที่คุณเล่ามา
2. ความผิดฐานยักยอกทรัพย์มีโทษจำคุกกระทงละ ๓ ปี ถ้ายักยอกเขา ๑๐๐ ครั้ง ก็มีความผิด ๑๐๐ กระทง แต่ความผิดฐานยักยอกทรัพย์เป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าเจรจากับเขาดี ๆ เขาไม่เอาเรื่องก็จะพ้นเคราะห์ไป
3. การรอลงอาญา ไม่ใช่สิทธิของใคร แต่เป็นดุลพินิจของศาลที่พิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงในคดี และการที่จะรองลงอาญาได้ต้องปรากฏว่าศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี ถ้าทำผิดเป็น ๑๐๐ กระทง ก็คงยากที่จะรอลงอาญาได้