กราบเรียน อ.มีชัย ที่เคารพ

ดิฉันมีคำถามอยากขอปรึกษา อ. ดังนี้ค่ะ

เรื่องคือ น้าของดิฉันได้ไปทำสัญญากู้เงิน โดยปลอมแปลงชื่อของบุคคลอื่นในการยื่นกู้กับสหกรณ์การเกษตร โดยใช้ชื่อแม่กับยายของดิฉันที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์ โดยที่แม่กับยายไม่ได้ทราบเรื่อง จนกระทั่งถูกตรวจสอบพบ น้าจึงถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง แต่ทางสหกรณ์ได้ให้น้าไปทำสัญญาเงินกู้ใหม่ โดยให้ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน น้าจึงมาขอให้แม่เอาบ้านไปค้ำประกันให้ โดยโกหกแม่ว่า ใช้ค้ำประกันว่าน้าจะไม่หนีคดี  ทั้งที่ความจริงแล้วสัญญาที่น้าเอามาให้แม่เซ็นต์เป็นสัญญาค้ำประกันหนี้ แต่แม่ไม่รู้หนังสือก็เลยยอมเซ็นต์ตามที่น้าบอก เพราะเข้าใจว่าเซ็นต์ว่าน้าจะไม่หนีเฉย ๆ

ตอนนี้น้าได้ป่วยเสียชีวิตไปแล้ว ทางสหกรณ์การเกษตรจึงจะยึดบ้านดิฉันเพื่อเอามาใช้หนี้ค่ะ โดยสหกรณ์ยื่นฟ้องศาลเพื่อจะยึดบ้าน แต่เราชนะศาลชั้นต้น เนื่องจากศาลพิจารณาเห็นว่า เป็นคดีฉ้อโกงโดยน้าของดิฉันเป็นผู้กระทำผิด และน้าก็ได้รับผิดในศาลไปแล้ว และสัญญาเงินกู้ที่ใช้บ้านของดิฉันค้ำประกันก็เป็นสัญญาที่ทางสหกรณ์ให้น้าทำขึ้นใหม่แทนสัญญากู้ที่น้าได้ฉ้อโกงไป ในศาลชั้นต้นจึงพิจารณาให้เราพ้นผิด

แต่ทางสหกรณ์ได้ยื่นฟ้องศาลอุทรณ์ต่อ และชนะในชั้นอุทรณ์ เพราะศาลพิจารณาว่าที่บ้านของดิฉันเจตนาที่จะไม่ใช้หนี้

ทางดิฉันขอยื่นฟ้องชั้นฎีกาต่อค่ะ แต่ทางบ้านไม่ค่อยมีเงิน ทนายจึงแนะนำให้เราขอเปิดศาลอนาถา

อาจารย์ช่วยแนะนำทางออกให้ด้วยค่ะว่าเรามีโอกาสจะชนะคดีนี้ได้อย่างไร เพราะเงินที่น้ากู้มาเราก็ไม่ได้ใช้ และเราคิดว่าเราเป็นผู้เสียหายเนื่องจากน้าฉ้อโกงเราค่ะ

ขอบพระคุณอย่างสูง

จุฑารัตน์