เรียน อาจารย์มีชัยที่นับถือ
มีเรื่องเรียนถามท่านค่ะ ขอเล่าดังนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2553 มีหนังสือแจ้งค้างชำระภาษี ภ.ง.ด. 90 (ตัวหนูเองมีอาชีพรับราชการเพียงอย่างเดียว) โดยพ่อเป็นเซนรับเอกสารจากไปรษณีย์ หนูไม่เห็นหนังสือดังกล่าว เพราะหนุไม่ได้พักประจำที่บ้านพ่อ ต่อมาเดือนกันยายน 2553 ได้รับใบแจ้งเตือนให้ชำระภาษี 16,144.-บาท เป็นปีภาษี 2550 อีก ฉบับนี้หนูได้รับเพราะพ่อเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่งั้นสรรพากรคงไม่ส่งหนังสือมาอีก ต่อมาได้ไปติดต่อสอบถามรายละเอียดกับสรรพากรพื้นที่มหาสารคามแต่เมื่อได้ฟังแล้วก็ยังงงว่ามันเกิดไรขึ้น เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่แล้ว ได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่สรรพากรว่า ตัวเองรับราชการ ไม่ได้มีอาชีพอย่างอื่น ทุกครั้งยื่นก็ไม่ได้เสียภาษี เจ้าหน้าทีสรรพากรแนะนำให้ไปแจ้งความ และให้ไปคัดสำเนารายการยื่นภาษีกับเจ้าหน้าที่อีกห้องหนึ่ง เจ้าหน้าที่สรรพากรมีการเซนรับรองสำเนาถูกต้อง และจ่ายค่าถ่ายเอกสาร เมื่อได้เอกสารมาแล้วจึงตรวจสอบพบว่าเป็น การยื่น ภ.ง.ด.90 ปี 2550 ตามมาตรา 40(7) สอบถามเจ้าหน้าที่สรรพากร เขาว่าเป็นอาชีพรับเหมา ตัวเองก็ตกใจว่ามันต้องมีไรผิดปกติอย่างมากแน่เลย ตัวเองรับราชการ ญาติพี่น้องไม่มีใครทำอาชีพรับเหมา แม้แต่เรื่องเสียภาษีไม่เคยมอบให้ใครยื่นเสียภาษีแทน ต่อมาภายหลังจึงไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจไว้เป็นหลักฐาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมายแนะนำให้ยื่นคำร้อง อุทธรณ์ภาษีเนื่องจากเกินกำหนดเวลาชำระ 30 วัน และต่อมาได้ทำการยื่นคำร้อง อุทธรณ์ภาษี อยู่มาวันหนึ่ง ได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงแนะนำตัวเองชื่อ พิน อยู่สำนักบัญชี อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ว่าได้รับทำภาษีให้ผู้ชายคนหนึ่ง โดยบอกว่าผู้ชายคนนั้นเอาเอกสารของลูกน้อง มายื่นเสียภาษี (หนูกับสำนักบัญชีไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยเห็นหน้าแค่คุยทางโทรศัพท์) ต่อมา ได้รับโทรศัพท์จากผู้ชายคนหนึ่งแนะนำตัวว่าชื่อตะวัน เป็นคนเอาเอกสารของหนูไปยื่นเสียภาษี (จับใจความได้ว่าเขาโทรมาสารภาพผิดและยอมรับผิด ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่และถามหนูว่าจะให้รับผิดชอบอะไร) หนูโมโหมาก ว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร มาแอบอ้างเอาคนอื่นไปเสียภาษี และหนูได้บอกเขาไปว่าได้ไปแจ้งความไว้แล้ว ภายหลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมายบอกว่า มีคนมาชำระภาษีแล้ว แต่ไม่ครบ ขาดอยู่ไม่กี่ร้อยบาท ต่อมาได้ทราบว่า มีคนไปจ่ายจนครบ หนูได้ทำหนังสือสอบถามไปยังสรรพากรพื้นนที่มหาสารคามขอทราบผลอุทธรณ์และภาระภาษียังมีอยู่หรือไม่ สรรพากร ฯตอบมาเป็นหนังสือมีการชำระภาษีหมดแล้ว ที่จังหวัดขอนแก่น (หนูไม่ได้เป็นคนชำระภาษี และไม่ได้มอบให้ใครชำระแทน) ต่อมา ฝ่ายกฏหมายสรรพากรถามหนูยังจะยื่นอุทธรณ์ไหม หนูยืนยันว่า ยื่นและอยากทราบผลอุทธรณ์ สรรพรากรสารคามส่งเรื่องไปที่สรรพากรเขตที่อุดรธานี (ขณะนี้ผลอุทธรณ์ยังไม่ออก) ฝ่ายกฏหมายสรรพากรอยากให้ถอนเรื่องอุทธรณ์คืน แต่หนูยืนยันว่ายื่นอุทธรณ์ให้ถึงที่สุด เพราะอยากรู้อุทธรณ์ จะมีผลออกมาว่าอย่างไร หนูขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ 1.. หนูควรจะทำอย่าไงต่อไป เพราะหนูมีความตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล เอาให้หลาบจำ 2. สำนักบัญชีมีความผิดหรือไม่ จะเอาผิดได้อย่างไร 3. ผู้ชายที่เอาเอกสารหนูไปยื่นภาษี มีความมากน้อยแค่ไหน จะเอาผิดเขาได้อย่างไร 4. ฝ่ายกฏหมายสรรพากรฯ บอกว่าเงินที่ชำระภาษีไปแล้ว ตามกฏหมายเป็นเงินของหนุ หนูสามารถทำเรื่องขอเงินคืนได้ ถ้าผลออกมาว่าหนูไม่จำเป็นต้องเสียภาษี (หนูยืนยันว่าหนูไม่เอาเงินเพราะมันไม่ใช่เงินหนูแต่หนูต้องการเอาผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง) 4.เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่มหาสารคาม มีความผิดหรือไม่ ถ้ามีร้ายแรงแค่ไหน ทำไมฝ่ายกฏหมายจึงแนะนำให้ถอนเรื่องคืน (ฝ่ายกฏหมายบอกว่าภาษีชำระแล้ว เรื่องก็จบ ทำไมมันง่ายจังเลย ทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น เขาบอกว่าสรรพากรได้เงินเรื่องก็จบ แต่ถ้าหนูไมยอมจบให้ไปแจ้งความดำเนินดคีเอาเอง สรรพากรไม่เกี่ยวแล้ว ฟังแล้วหนูโมโหมากเลย และแสดงกริยาไม่อยากคุยกับหนูอีก ) ตอนนี้หนูรอผลอุทธรณ์ แต่คนชั่วยังลอยนวล อาจารย์ช่วยแนหนูด้วยค่ะ ไม่อยากให้คนนทำผิด หรือเจ้าหน้าที่อื่นใด มาร่วมกระทำผิด แล้วไม่มีใครทำได้ อย่างนี้ประชาชนผู้เสียภาษีเดือดร้อน ขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ค่ะ