ข้อคำปรึกษา...ทำอะไรได้บ้างครับ
กราบเรียน อาจารย์ มีชัยครับ มีเรื่องขอคำปรึกษาครับ
ประมาณปี 47 48 ผมได้คบหาผู้หญิงคนนึง โดยผู้หญิงคนนี้อยู่ต่างจังหวัด ส่วนผมทำงานอยู่ กทม. ซึ่งในวันหยุดก็จะมีการไปมาหาสู่กันตามปกติของคนคบหากัน โดยส่วยใหญ่ฝ่ายหญิงจะให้ผมไปหา และซื้อตั๋วเครื่องบินให้ โดยให้เหตุผลว่าอยากเจอไวๆ และไม่อยากให้เหนื่อยนั่งรถ ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไรมาเพราะหากปฏิเสธก็จะหาว่ารังเกียจเธอ และเมื่อเจอกันค่าใช้จ่ายก็ตามปกติของคนคบหากัน ผมจ่ายค่าที่พัก เธอจ่ายค่าอาหาร ผมจ่ายมื้อเช้า เธอจ่ายมื้อเที่ยง ก็ตามปกติของคนคบหากัน เรื่อยมาครับ
จนหลังๆประมาณปี 49 50 เริ่มมีปัญหาไม่เข้าใจกัน จึงเริ่มจะห่างๆกัน แล้วผู้หญิงคนนี้ก็โทรฯมาหาผม และบอกว่าท้อง บอกให้ผมลงไปหา และบอกว่าซื้อตั๋วเครื่องบินให้แล้ว ผมจึงลงไปหา ซึ่งก็ไม่พบว่าผู้หญิงคนนี้จะมีอาการท้องแต่อย่างใด โดยผมจะพาไปตรวจก็ไม่ไป ต่อมาเมื่อถามถึงเรื่องนี้ ก็แจ้งว่าไปเอาออกแล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็เลิกรากันครับประมาณปี 50 51
โดยหลังจากเลิกลากันแล้วเธอยังโทรมาหาเป็นระยะๆ บอกอยากคุยด้วย แต่ผมไม่อยากยุ่งด้วยอีกจึงให้เพื่อนรับให้ และให้เพื่อนแกล้งบอกว่าเป็นแฟนใหม่ผม และผมก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เพราะไม่อยากให้เธอมาวุ่นวายอีก หลังจากนั้นเธอก็ยังส่งอีเมลล์มาหาอีกเรื่อยๆ บอกว่า เลิกกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งประมาณกลางปี 52 เธอโทรมาฝากข้อความเสียงในโทรศัพท์เบอร์เดิมผมพร้อมทั้งส่งอีเมลล์ มาแจ้งว่าจะแต่งงานและอยากให้ผมไปงานแต่งงานเธอ ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
จนเมื่อปลายเดือนเมษายน 53 เธอโทรเข้ามาเบอร์ใหม่ของผม(ซึ่งไม่รู้ว่าเธอไปหามาจากไหน) มาบอกว่าลำบาก ไม่สบาย ขอยืมเงินไปหาหมอ ผมเห็นใจจึงให้ยืมไป 15,000 ด้วยความเห็นใจจึงไม่ได้ทำสัญญาอะไร เพราะเธอบอกจะคืนให้ใน 2 สัปดาห์
หลังจากนั้นผมก็ได้ส่งอีเมลล์ไปทวงถามเธอเป็นระยะๆ เธอก็บอกเดี๋ยวจะหาให้ๆ จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 53 ซึ่งผมจำเป็นต้องใช้เงิน จึงได้ส่งอีเมลล์ทวงถามเธออีก โดยบอกว่าจะใช้ในปลายเดือนนี้ เธอก็บอกเดี๋ยวจะหาให้ จนกระทั่งถึงวันที่ผมต้องใช้ ก็ส่งเมลล์ไปทวงถามอีก เธอก็ส่งกลับมาว่า ทำไมทวงเธอจัง และกล่าวหาว่าทีพี่สาวผมยืมเงินผมไป จนทำให้เธอต้องไปทำแท้ง ทำไมไม่ไปทวง หลังจากนั้นพอโทรไปทวงถาม เธอก็ไม่รับ แต่พอเอาเบอร์อื่นโทรไปเธอถึงรับ ผมจึงบอกให้เธอคืนเงินมา เธอบอกจะผ่อนคืนให้ทุกวันที่ 26 เดือนละ 2,000 แต่พอผมจะให้เธอทำสัญญา เธอก็ไม่ยอมทำ กลับบอกว่าจะเอาหรือไม่เอา
จากนั้นผมจึงส่งสัญญาไปให้เธอทางอีเมลล์ เมื่อเธอได้รับ เธอก็ส่งอีเมลล์มาด่าทอผมหยาบคายเสียๆหายๆ หาว่าเป็นแมงดา เป็นพวกรักรวมเพศ และข่มขู่จะประจานผมให้ที่บ้าน ที่ทำงาน รับรู้ให้ผมเสียหาย พร้อมทั้งข่มขู่ว่าถ้าไปทวงเธอที่บ้าน แล้วไม่เลือดตกยางกลับไปก็คอยดู ผมจึงนำข้อความที่เธอส่งมาไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน. ไว้ แล้วถ่ายรูปใบแจ้งความส่งไปให้เธอดูไม่ให้เธอด่าว่าผมอีก แต่เมื่อเธอได้รับ เธอก็ส่งข้อความด่าท่อกลับมาอีก
จากนั้นเมื่อถึงวันที่ 26 สิงหาคม ผมจึงโทรไปทวง เธอถึงโอนเงินมาให้ 2000 ......
จนเมื่อ 26 กันยายนที่ผ่านมาผมจึงโทรไปทวงกับเธออีก เธอก็บ่ายเบี่ยงบอกเดี๋ยววันที่ 30 จะให้ ผมจึงโทรไปบอกสามีเธอ เพราะสามีเธอบอกว่าหากวันที่ 26 เธอไม่คืนให้ ให้โทรไปบอก
และเมื่อถึงวันที่ 30 เธอโทรมาบอกว่าคืนเงินมาให้แล้วอีก 2000 และให้ส่งสำเนาใบแจ้งความมาให้หน่อย โดยบอกว่าจะไปให้ทนายดูว่าใช่ของจริงหรือไม่
ผมจึงส่งอีเมลล์บอกเธอว่า ...ผมมีญาติเป็นตำรวจ ผมคงไม่ส่งของปลอมไปให้หรอก...
เธอกลับส่งข้อความมาว่า ... ผมไปข่มขู่เธอ โดยบอกว่าญาติเป็นตำรวจ เธอจะแจ้งความ
ผมจึงตอบเธอกลับไปว่า...ให้เธอไปถามทนายก่อนว่า ผมข่มขู่ตรงไหน ทางที่ดีให้เธอคืนเงินมาให้หมดดีกว่า จะได้จบกัน
แต่เธอกลับตอบมาอีกว่า....เธอจะฟ้องผมกลับ เรื่องที่เธอจองตั๋วเครื่องบินให้สมัยที่ตอนคบกัน โดยเธอบอกว่าเธอมีหลักฐานการเช็คอินเป็นชื่อผม โดยเธอจะเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 45,000 บาทให้ผมเตรียมเงินไว้และรอรับหมายศาล
อยากจะเรียนถามครับว่า
1. เรื่องการยืมเงินเข้าใจว่าไม่มีหลักฐานการกู้ยืม ไม่สามารถฟ้องร้องได้ แต่มีหลักฐานการโอนเงินและบันทึกเสียงสนทนากับข้อความทางอีเมลล์ ซึ่งเธอบอกว่ายืมเงินไปจริง จะสามารถนำมาใช้อะไรได้หรือไม่ครับ
2. ผมสามารถให้พี่สาวฟ้องเธอในข้อหาหมิ่นประมาทที่เธอกล่าวหาพี่สาวผมได้หรือไม่ และที่เธอข่มขู่จะประจานและด่าทอผมต่างๆนานาๆ ผมสามารถเอาผิดอะไรเธอได้หรือไม่ครับ
3. การที่ผมแจ้งเธอไปว่ามีญาติเป็นตำรวจคงไม่ส่งหลักฐานปลอมให้หรอก เธอสามารถเอาแจ้งความได้หรือไม่ครับ
4. ตามที่เธอขู่ว่าจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย สามารถทำได้หรือไม่ครับ และผมสามารถแจ้งความกลับฐานเธอขู่กรรโชกทรัพย์ได้หรือไม่ครับ
ขอบพระคุณมากครับ |