เรียน ท่านอาจารย์ค่ะ

ดิฉันมีคำถามแต่ก่อนอื่นต้องเล่าที่มาที่ไปก่อนค่ะ คือดิฉันเข้าทำงานกับบริษัท เล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของกิจการเป็นฝรั่ง และทำกับบอสมาตั้งแต่ร้าน เปิดได้ 1 เดือน จนถึงวันนี้ก็ 9 ปีเต็มแล้วค่ะ ก็เป็นคนสนิทและไว้เนื้อเชื่อใจของบอสค่ะ บอสก็มีแฟนเป็นคนไทย (บอสของดิฉันเป็นเกย์ค่ะ) ก็อยู่กินกันฉันคู่รักธรรมดาทั่วไป

กิจการมี 4 สาขา พนักงานคนไหนเข้าออก หรือด้านการเงิน ดิฉันจะเป็นคนจัดการแทนบอสทั้งหมดค่ะ

จนกระทั่งเมื่อปี 2551 บอสตัดสินใจซื้อตึก(อาคารพาณิชย์)ของสาขาใหญ่ไว้ และตอนนี้ติดผ่อนแบ๊งค์เหลืออีก 3 ปี ตอนเดินเรื่องซื้อตึกนี้ บอสให้ดิฉันเป็นคนมีอำนาจลงนาม ซึ่งให้ดิฉันถือหุ้นอยู่ 6000 หุ้น บอส 9800 หุ้นจาก 20,000 หุ้น และที่เหลือก็แฟนบอส กับแม่บ้านอีก 2 คน ๆ ละ 1700 หุ้น ซื้อในนามบริษัท โดยชื่อของดิฉัน และคนค้ำประกันมี สองคน คือบอส กับดิฉัน  แต่ด้วยเศรษฐกิจที่แย่ และบอสได้เสียชีวิตลง เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาค่ะ ดังนั้นดิฉันก็เป็นคนดูแลกิจการต่อจากบอส (สาขาอื่นยังเช่าเหมือนเดิมค่ะ)

แต่บอสได้ทำพินัยกรรมไว้ มอบหุ้นให้ดิฉัน เป็น 10,000 หุ้น แฟนเค้า 7200 หุ้น และที่เหลือของแม่บ้าน อีก 2 คนค่ะ

แต่ด้วยเศรษฐกิจ ดิฉันเกรงว่ากิจการจะไปไม่รอด และไม่มีเงินส่งแบ๊งค์

ดิฉันเลยอยากทราบว่า ถ้ากิจการขาดทุนจนถึงขั้นต้องปิดกิจการ แล้วดิฉันจะมีความผิดอย่างไรบ้าง ต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้างคะ ถึงขั้นโดนฟ้องล้มละลายหรือเปล่าคะ และแฟนของบอสจะมีสิทธิ์เรียกร้อง หรือฟ้องร้องอะไรเราได้ไหมคะ

และถ้าหากไม่มีเงินส่งแบ๊งค์ เราสามารถขายกิจการเพื่อไปปิดหนี้แบ๊งค์ได้ไหม

ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ สำหรับคำตอบ

ดาริกา