รบกวนถามคำถามหน่อยครับ ผมทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ทางบริษัท จะมีการเช็คสต็อคทุกปี เมื่อไม่เจอสินค้าชิ้นไหน ทางบริษัทจะทำการหักเงินกับพนักงานที่อยู่ในร้านโดยการหารเท่า ๆ กัน หักออกจากเงินเดือน จนหมด เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว ได้มีการมาเช็คสต็อค ซื่งพนักงานในร้านก็ทราบอยู่แล้วว่ามีของหาย แต่มันค่อนข้างเยอะ เลยทำการปิดบังไม่ให้ทางบริษัททราบ เพราะกลัวโดนหักเงินกันเยอะ ตอนนั้นพนักงานมีอยู่ 4 คน หลักจากเช็คสต็อค ก็มีสินค้าหายเป็นยอดเงินที่ทางพนักงานรับได้ แต่ทุกท่านทราบว่า มีของหายเยอะมากกว่านั้น แต่ไม่มีใครกล้าบอก พอตอนต้นปีประมาณเดือนมีนาคม พนักงานคนนึงได้ลาออก เพราะกลัวว่าถ้าเกิดมีการเช็คอีกครั้ง จะทำการปิดบังไม่ได้ หลังจากนั้นก็ไม่มีพนักงานใหม่เข้ามา จนถึงเดือนพ.ค. พนักงานอีกคนได้ลาออก โดยเหลือพนักงานไว้สองคน ทางบริษัท ก็ไม่ได้หาใครเข้ามา จนเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ทางบริษัท ได้มีการตรงนับสต็อคอีกครั้งนึง ครั้งนี้ผมเห็นว่า คงปิดบังอะไรไม่ได้แจงสินค้าที่หายไปตามความเป็นจริงแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมากถึงขนาด 1750000 บาท ทางบริษัท เห็นว่ามันมากเกินไปคงไม่ใช่สินค้าหาย แต่น่าจะเป็นการขายสินค้าแล้วไม่เอาเงินเค้าบริษัท เก็บเงินไปเอง เลยเรียกไปคุย ว่าของหายขนาดนี้คงมีคนยักยอกไป พนักงานอีกคนบอกว่า ผมเป็นคนยักยอกไปทั้งหมด เขาไม่รู้ด้วย เพราะส่วนใหญ่เวลาขายสินค้า ก็ให้เงินกับผมตลอดแล้วผมก็เป็นคนเซ็นรับเงินเขาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกียวเรื่องเงิน แล้วก็บอกกับบริษัทไปว่า พนักงานที่ออกคนแรกก็รู้ว่ามีของหาย กลัวว่าผมกับคนที่ทำการตรวจเช็ครู้กัน แต่ที่ผมปิดบังไม่แจ้งตั้งแต่ตอนแรก ก็เพราะว่ากลัวจะต้องโดนหักเงินกันเยอะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้ ครั้งแรกทางบริษัทถามจะรับผิดชอบเท่าไหร่ ยอดเงินมันเยอะมากและก็คิดว่า คงไม่ได้หายแต่เป็นการยักยอกทรัพย์บริษัท ซึ่งผมก็ทราบดีว่าในระบบบริษัท ที่ทำงานอยู่ของหายต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมเลยบอกว่า ผมน่ะไม่มีเงินเยอะขนาดนี้หรอกครับ แล้วก็ถ้าให้รับผิดชอบจริง ๆ ผมก็ไม่มีเงินก้อนให้ อาจต้องผ่อนจ่าย ทางบริษัทไม่ยอม บอกจะเอาเงินก้อน แล้วทางบริษัทก็ได้ไปแจ้งความให้มีการลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งผมก็ได้รับว่า จะรับเต็มที่ก็คือ 500000 บาท แต่ผมก็ไม่มีเงินไปใช้คืนบริษัท หรอกครับ คิดว่า จะทยอยจ่ายให้แต่บริษัทก็ไม่ยอมอยากได้เงินก้อน ส่วนอีกคนนึงเขาบอกว่า เขาไม่ยอมรับ เขาบอกว่าทุกครั้งที่ขายสินค้าได้ก็เอาเงินมาให้ผม แล้วผมก็เป็นคนเซ็นรับเงินซึ่งเขาเองไม่เคยเซ็นรับเงิน แต่ความจริงแล้ว ในการขายสินค้าของบริษัทใครจะรับเงินของลูกค้าก็ได้ สินค้าที่ทางบริษัทเช็คได้ว่าหายออกไปเป็น จำนวน 248 รายการ  ทางบริษัทเลยทำการฟ้องทั้งสองคน ผมเลยเซ็นรับสภาพไว้ 500000 บาท เป็นการรับผิดชอบในหน้าที่การทำงาน แต่ไม่มั่นใจว่า บริษัทจะพอใจหรือป่าว แต่ผมก็แสดงเจตนาไปแล้วว่าจะหามาคืนให้ แต่พนักงานอีกท่านนึงเค้าไม่ยอมเซ็นรับสภาพหนี้ บอกว่าให้ทางบริษัทหาหลักฐานมาแสดงว่าเขาผิด เขาถึงจะยอม แต่เมื่อผมพิจารนาดูแล้วส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนเซ็นรับเงิน ซึ่งในบางครั้งผมก็ไม่ได้รับเงินเอง เพราะทางพนักงานก็จะบอกว่าเก็บเงินเรียบร้อยแล้ว ออกใบเสร็จแล้วก็ส่งของได้เลย ทำให้บางครั้ง ในแต่ล่ะวัน จะมีเงินที่เข้าบัญชีไม่ตรงกับยอดขายสินค้า พออีกวันนึง ผมก็ต้องหาเงินมาใส่ของยอดวันที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถเครียเอกสารให้เสร็จ ทำให้บางครั้งก็ไม่ได้เปิดบิลให้กับลูกค้าที่ถูกต้องได้ อาจจะมีการพริ้นบิลซ้ำให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าชนิดเดียวกัน ซึ่งพนักงานที่อยู่ด้วย ก็ทราบบ้างในบางครั้ง เขาเลยบอกว่าผมยักยอกเงินบริษัทไปทั้งหมด อย่างนี้ผมต้องรับผิดทั้งจำนวนเงินเลยหรือไม่ครับ  แล้วพนักงานที่ออกไปก่อนหน้านี้ต้องรับผิดด้วยมั๊ยครับ  อีกอย่างนึงนะครับ ไม่ทราบว่าเมื่อทางบริษัทแจ้งความแล้ว นานมั๊ยครับ ที่ทางตำรวจจะออกหมายเรียก เพราะตอนนี้ผมตกงาน ต้องออกไปหางานทำ แต่กลัวว่าเมื่อได้งานแล้ว อาจต้องไปดำเนินการขึ้นศาลบ่อย ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะผมต้องการทำงานหาเงินมาใช้ให้กับทางบริษัทที่ผมบอกว่า จะรับผิดชอบ 500000 บาทครับ ขอบพระคุณมากครับ