ขอเรียนปรึกษาดังนี้ค่ะ
ดิฉันอยู่ต่างประเทศ ได้ตกลงด้วยวาจาผ่านโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศว่าจะขายรถให้เพื่อนบ้านในราคา 800,000 บาท โดยให้แม่ดิฉันเป็นผู้รับเงินมัดจำจำนวน 300,000 บาท (โอนผ่านบัญชี) และในวันเดียวกันแม่ได้โอนเงินเข้าบัญชีดิฉันเต็มจำนวน
ผู้ซื้อได้นำรถไปขับในวันเดียวกับวันที่โอนเงินให้ดิฉัน และใช้รถดิฉันเป็นจำนวน 12 วัน ต่อมาดิฉันได้แจ้งผู้ซื้อให้นำรถไปจอดคืนเพราะดิฉันทำประกันระบุผู้ขับขี่ไว้ เกรงว่ารถจะเสียหาย ซึ่งผู้ซื้อก็ได้นำรถมาคืนให้ และผู้ซื้อได้นำสัญญาซื้อขายมาให้แม่ดิฉันลงนามในสัญญาซื้อขาย โดยแม่ดิฉันลงนามเป็นผู้รับเงินแทนดิฉัน
หลังจากนั้นอีก 3 สัปดาห์ดิฉันได้กลับมาเมืองไทยผู้ซื้อได้สอบถามดิฉันว่ายังต้องการขายรถหรือไม่ หากเปลี่ยนใจไม่ขายก็ขอเงินคืน ดิฉันเปลี่ยนใจไม่ขายแต่ขอไม่คืนเงินเต็มจำนวน เพราะจะคิดค่าเสียหายที่นำรถดิฉันไปใช้ 12 วัน ทำให้เบาะรถสกปรก และเป็นค่าสึกหรอ แต่ผู้ซื้อไม่ยอมให้หักเงิน ดิฉันจึงไม่ยอมคืนเงินให้
ผู้ซื้อจะไปแจ้งความฐานแม่และดิฉันร่วมมือกันฉ้อโกง หลอกขายรถให้ ดิฉันมีความผิดหรือไม่คะ และหากผู้ซื้อฟ้องร้องทางแพ่งบังคับซื้อรถจากดิฉัน พร้อมเรียกค่าเสียโอกาส ถ้าดิฉันตั้งทนายสู้ จะมีโอกาสแพ้-ชนะ อย่างไรบ้าง
เมื่อคุณตกลงสัญญาจะขายให้เขาและรับเงินมัดจำมาแล้ว เช่นนี้ ถ้าคุณไม่ยอมขายให้เขา เขาก็มีสิทธิฟ้องบังคับให้ขายหรือให้คืนเงินพร้อมค่าดอกเบี้ยและค่าเสียหายของเขาได้ (เช่น เขาต้องไปเช่ารถ หรือนั่งแท็กซี่ระหว่างนั้น)