เรียน ท่านอาจารย์ มีชัย ที่เคารพ

                ผมมีคำถามที่จะขออนุญาตเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้

วันนี้ผมอ่าน นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 30 มิ.ย.2553 หน้า 8 ปกครองท้องถิ่น มีนายกเทศมนตรี ท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์  มีข้อความพาดพิงประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการวินิจฉัย เรื่องค่าบำรุงสันนิบาตเทศบาล ผมจึงขออนุญาต นำข้อความดังกล่าวมาเสนอต่อท่านดังนี้
‘ นายชวลิต วิเศษสิทธิกุล กรรมาธิการบริหาร ส.ท.ท.กล่าวว่า ที่ประชุม ส.ท.ท.จังหวัดอ่างทองมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ส.ท.ท.ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบ ส.ท.ท. ปี 2545 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7) 2552 อย่างเคร่งครัด จนกว่าผู้มีอำนาจสูงสุดจะตัดสินเป็นอย่างอื่น โดยเฉพาะเกี่ยวกับเงินค่าบำรุง ส.ท.ท.
" โครงสร้างการบริหารและข้อบังคับยังไม่มีอะไรเสียหาย คณะผู้บริหาร ส.ท.ท. ทุกสมัยต้องปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัดเพื่อความสมานฉันท์ ควรสนับสนุนให้ ส.ท.ท. ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้อบังคับและระเบียบ ส.ท.ท. ที่ถูกต้องต่อไป จังหวัดอ่างทองนำร่องหนุน ส.ท.ท. ที่คนอ่างทองร่วมก่อตั้งและเป็นนายก ส.ท.คนแรก ซึ่งคนอ่างทองก็เป็นประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา กำลังพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ "  ’
คือประเด็นอื่น ผมไม่ติดใจ...ติดใจประเด็นเดียวที่ว่า ซึ่งคนอ่างทองก็เป็นประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา กำลังพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้  ดังนั้น ผมจึงขอเรียนถามว่า

             1.การที่นายกเทศมนตรี ท่านนี้ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ในลักษณะเช่นนี้   เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเหมาะสมหรือไม่

             2.ในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกสภาเทศบาล และมีผลกระทบต่อการวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ในประเด็นเรื่องค่าบำรุงสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยโดยตรง  รู้สึกไม่สบายใจ  ที่มีบุคคลกล่าวอ้างถึงประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเมื่ออ่านข้อความดังกล่าวแล้ว  เหมือนกับว่านายกท่านดังกล่าวเป็นคนบ้านเดียวกันและรู้จักกับประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งน่าจะส่งผลต่อการวินิจฉัย

             3.โดยส่วนตัวผมเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกาทุกท่าน ว่ามีความสุจริตและเที่ยงธรรม  ดังนั้น ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการที่จะมีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง  มาให้สัมภาษณ์เผยแพร่ข่าวสาร ในลักษณะที่จะสื่อให้เห็นความไม่เป็นกลางของประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา  จึงขอเรียนถามว่า  สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะมีมาตรการ จัดการกับบุคคลที่ให้ข่าวในลักษณะนี้ หรือไม่ และอย่างไร

             จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

                                                                      ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

                                                                          นายสุขกาย  สุริยะโรจน์

                                                                      สมาชิกสภาเทศบาลเมืองยโสธร

เรียน คุณสุขกาย

1. ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม เพราะเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร และที่เขาพูดนั้นถ้าหมายถึงผม ก็เป็นความจริง เพราะผมเกิดที่อ่างทอง

2. การเป็นคนบ้านเดียวกันหรือเป็นคนรู้จักกันนั้น ไม่ได้ทำให้การวินิจฉัยข้อกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป  เวลาคณะกรรมการกฤษฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายใด ๆ ที่หน่วยงานของรัฐหารือมา ก็ต้องเชิญผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเสมอ  คนที่มาชี้แจงนั้น ส่วนใหญ่ก็เคยรู้จักมักจี่กันมาทั้งนั้นแหละ เพราะอยู่ในแวดวงราชการด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยทำให้คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปเพราะความรู้จักนั้น

3. ก็เป็นความรู้สึกนึกคิดของคุณที่ไม่มีใครห้ามได้ พอ ๆ กับที่ไม่อาจไปห้ามไม่ให้คนอื่นเขาพูดได้ ถ้าสิ่งที่พูดนั้นไม่ได้เป็นความเท็จ  แต่ต้องกรุณาเข้าใจว่า คำพูดของคนนั้น ถ้าไปแปลอะไรให้มากความเข้า ก็ย่อมเกิดวิจิกิจฉาขึ้นได้โดยไม่ได้เป็นเช่นที่คิด

     อนึ่ง สภาเทศบาลนั้นเป็นผู้กำกับการใช้จ่ายเงินของเทศบาล ผ่านทางการพิจารณางบประมาณรายจ่าย  หากเห็นว่ารายจ่ายใดไม่เหมาะสมหรือไม่สมควร ก็อาจใช้อำนาจหน้าที่สะกัดกั้นได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง