เรียนท่านอาจารย์มีชัย ที่เคารพ

กระผมมีเรื่องข้อข้องใจที่จะกราบเรียนท่านอาจารย์เพื่อไขข้อข้องใจที่เกิดขึ้นครับ

ผมได้ไปซื้อบ้านทาวน์เฮ้า 2 ชั้น โดยใช้ชื่อของแฟนเป็นผู้ยื่นเรื่องกู้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ก่อนซื้อก็ถามความสมัครใจว่ายินดีหรือไม่(แฟนเขาไม่ต้องการบ้าน)ในราคา หนึ่งล้านห้าหมื่นบาท(ตามธนาคารอนุมัติ) บ้านดังกล่าวผมเป็นจัดหา และตกแต่งต่อเติมใช้เงินของผมเองทั้งหมด โดยใช้เงินทั้งหมดประมาณ สามแสนห้าหมื่นบาท บ้านจึงแล้วเสร็จและย้ายเข้าไปอยู่ พร้อมแฟนโดยในทะเบียนระบุชื่อแฟนเป็นเจ้าบ้าน โดยผมเองเป็นผู้รับผิดชอบส่งค่างวดและค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด(ส่งงวดละ หกพันบาท)(ปีแรกธนาคารจะหักบัญชีชื่อของแฟน)

กระผมจึงจ่ายเงินสดให้กับแฟน(ไม่มีใบเสร็จ)

(ซึ่งเป็นเงื่อนไขแต่แรกแล้ว โดยเราตกลงกันว่าเมื่อธนาคารอุมัติแฟนจะเซ็นสัญญาให้ผมเป็นผู้รับภาระและจะโอนสิทธิ์ให้ผมเมื่อผ่อนชำระหมด)

(ซื้อเมื่อกรกฏาคม 2552)แฟนผมหลังจากบ้านทำเสร็จเรียบร้อยสวยงาม จากที่ไม่อยากได้พอเสร็จแล้วก็อยากได้ขึ้นมาทันทีและก็ไม่เซ็นสัญญาด้วย อยู่มาวันหนึ่งเรามีปัญหากัน แฟ่นอยากให้ผมย้ายออกโดยเขาจะจ่ายให้ผม หนึ่งแสนสี่หมื่นบาท ผมต้องการตัดปัญหาทุกอย่างจึงตกลง(ทั้งที่เสียไปมากมาย) ผมย้ายออกแต่เขาไม่จ่ายเงินให้ตามสัญญา เรื่องถึงตำรวจไปตกลงที่ สน.บึงกุ่ม สรุปว่าเขาไม่มีเงินจ่ายตามที่ตกลง แต่ผมย้ายของออกมาหมดแล้ว

ที่ สน.จึงลงบันทึกไว้ว่า ทั้งคู่ต้องการขายบ้านดังกล่าว โดยถ้าแฟนขายได้จะต้องจ่ายเงินให้ผมจำนวนหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท ถ้าผมเป็นผู้ขายได้ ผมจะไปปลดหนี้ที่ธนาคารที่กู้ให้ และจ่ายในส่วนที่แฟนได้จ่ายค่างวดบ้านไป

โดยระหว่างที่ยังขายไม่ได้ เราตกลงกันว่าใครเป็นผู้อยู่อาศัยบ้านดั่งกล่าวจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบส่งค่างวดทั้งหมด แต่ถ้าอยู่ทั้งคู่ หรือไม่อยู่ทั้งคู่ก็ให้จ่ายคนละครึ่ง

เราตกลงกันว่าจะไม่อยู่  แต่สุดท้ายแฟนอยู่ไม่ยอมย้ายออก  ซึ่งไม่แจ้งว่าจะอยู่และมีการเปลี่ยนกุญแจใหม่หมด ผมเข้าไปดูแลบ้านไม่ได้ และจู่ๆ ก็ส่งเมสเสสแจ้งว่า ได้คัดชื่อผมออกจากทะเบียนบ้านแล้ว

ผมจึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า

1. เขามีสิทธิ์คัดชื่อผมออกจากทะเบียนบ้านได้หรือไม่

2. ผมเสียหายสามารถดำเนินการเอาผิดเขาได้หรือไม่

3. เขามีพฤติกรรมจงใจที่ยึดบ้านโดย พยายามไม่จ่ายเงินให้ผมหรือไม่

ขอบคุณครับ

กิตติ 

1. เมื่อเขาเป็นทั้งเจ้าของบ้านและเจ้าบ้าน เขาย่อมมีสิทธิทำได้ การที่คุณใช้ชื่อเขากู้และ.ซื้อบ้านนั้น บ้านนั้นก็ย่อมเป็นของเขาเพราะเขาจะต้องรับผิดชอบในการส่งเงินชำระหนี้ค่าบ้านต่อไป

2. จะไปเอาผิดอะไรจากเขาล่ะ   การไม่รู้กฎหมายแล้วเที่ยวได้ทำอะไร ๆ ยึกยักกับกฎหมาย ก็ย่อมได้รับผลร้ายเป็นของธรรมดา

3. เงินที่คุณไปซ่อมบ้านก็ดี หรือจ่ายไปก็ดี จะเรียกคืนจากเขาได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ อาจเข้าข่ายเป็นการให้โดยเสน่หา ซึ่งเรียกคืนไม่ได้ ก็ได้

      คนเป็นจำนวนมากที่ไม่อยู่ในฐานะที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินได้  ก็นึกเอาง่าย ๆ ว่า ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ชื่อคนอื่นกู้และซื้อบ้าน โดยไม่ได้นึกกันเลยว่า บ้านนั้นก็เลยกลายเป็นของคนอื่นไป นึกแต่เพียงว่าเป็นการหลอกสถาบันการเงินได้ แต่หารู้ไม่ว่าสถาบันการเงินนั้นเขามีเกราะป้องกัน และเขามีลูกหนี้ที่แน่นอน โดยมีบ้านเป็นหลักประกันอยู่แล้ว ตราบใดที่ยังส่งใช้หนี้เงินกู้คงเส้นคงวา เขาก็ไม่ว่าอะไร ใครจะเป็นคนจ่ายเงินนั้นเขาก็ไม่สนใจ  แต่เมื่อไรที่ไม่ชำระหนี้ เขาก็มาเอาจากคนที่มีชื่อว่าเป็นคนกู้และมายึดบ้านไปขาย   ที่คุณไปตกลงกันเองว่าจะไปขายบ้านนั้น ต้องระวังให้ดี เพราะอาจกลายเป็นการฉ้อโกงอันเป็นความผิดอาญาได้ เพราะคุณไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน จึงไม่มีสิทธิเอาบ้านของคนอื่นไปขาย  ถึงเวลาจะไม่สามารถโอนบ้านให้เขาได้