ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    039958 ธุรกิจคนไทยในต่างแดน23 เมษายน 2553

    คำถาม
    ธุรกิจ
    ดิฉันได้เปิดธุรกิจชายชองชำที่ออสเตรเลีย โดยได้เช่าร้านกับคนอินโดนีเซีย ในสัญญาระบุไว้ ตั้งแต่ ๑๕ พย. ๒๐๐๙ ถึง๑๕ พ.ย.๒๐๑๐  โดยสัญญาได้ทำกันเองไม่ได้ผ่านนักกฏหมาย (ซึ่งผู้ให้เช่าต้องการทำแบบไม่ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งดิฉันก็เพิ่งรู้ว่าประเทศนี้สัญญาต้องผ่านนักกฎหมาย ) ณ วันนั้นดิฉันได้จ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้า ๔๐๐๐ เหรียญ และ เงินประกันความเสียหาย ๔๐๐๐ เหรียญ และดิฉันได้ต่อเติมร้าน ปรับปรุงเพื่อให้ได้ไลน์เซ่น (ได้ขออนุมัติจากผู้เช่าแล้ว)เพื่อสามารถขาย อาหารได้ ต่อเติมปรับปรุงร้านไปเกือบ ๗๐๐๐ เหรียญและต่อมา ดิฉันต้องการที่จะขายธุรกิจ เพราะมีลูกเล็กและไม่มีใครช่วย เพราะสามีต้องบินไปทำงานที่ต่างเมือง และวันที่ ๕ พ.ย. ๒๐๐๙ คนซื้อได้นำเช็คชื่อดิฉัน ๒๙๐๐๐ เหรียญ และได้นำเงินสด มาให้ผู้ให้เช่าเป็นเงิน ๖๐๐๐ เหรียญ โดยมีเอเจนท์มาทำให้ถูกต้องตามกฏหมาย เพราะผู้ซื้อต้องการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ ณวันนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องการทำสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เค้าไม่ยอมเซ็นเอกสาร และเดินออกไปจากร้าน และหลังจากนั้นประมาณครึ่งชม. ผู้ให้เช่าได้โทรมาไล่ออก ซึ่งน้ำเสียง ดุร้าย ป่าเถื่อน สามีดิฉันได้เปิด โทรศัพท์มือถือให้มีเสียงดัง ซึ่งดิฉันก็ได้ยิน และมีลูกค้าในร้านหนึ่งคนก็ได้ยิน และสามารถเป็นพยานได้ และต่อมาดิฉันและสามีได้สับสนมาก และตกลงกันว่าต้องออกจากร้าน เพราะสามีเป็นห่วงความปลอดภัยของดิฉันกับลูก ทุกอย่างขายขาดทุนมากๆ และได้คืนกุญแจไว้ในร้าน และ ได้ให้คนส่งจม.คืนร้าน และส่งจม.จากศาลที่ฟ้องผู้ให้เช่าในวันที่ ๑๖ พย. ๒๐๐๙ ซึ่งในร้านยังเหลือ ตู้แช่น้ำของบริษัทโค้ก ซึ่งเป็นชื่อดิฉันอยู่ ได้โทรให้บริษัทมาเอาคืน โดยให้เบอร์ผู้ให้เช่าไป แต่ก็ยังอยู่ในร้าน และวันที่ ๑๘ มี.ค. ๒๐๑๐ ดิฉันได้ขึ้นศาลเพื่อไกล่เกลี่ย แต่ผู้ให้เช่า(จำเลย)ไม่ต้องการจ่ายเงินซักบาท แม้กระทั่งเงินประกันร้าน ๔๐๐๐ เหรียญ (ซึ่งปกติเงินประกัน ต้องอยู่ในทรัสต์ ผู้ให้เช่าก็ไม่ไว้ในทรัสต์ และคิดว่ารายได้จากดิฉัน ก็คงไม่ได้เสียภาษีค่ะ) และตอนนี้ร้านนี้ได้โดนธนาคารยึด ซึ่งเค้าจะเข้าประมูลกันในวันที่ ๒๘ เม.ย. ๒๐๑๐ ราคาร้านที่เค้าซื้อเมื่อประมาณ๒ ปีก่อน ประมาณ ๒๖๐๐๐๐ เหรียญค่ะ และถ้าขายตอนนี้ก็น่าจะได้๔๒๐๐๐๐ ขึ้นค่ะ  และอย่างนี้ เค้าจะมีเงินเหลือคืนผู้ให้เช่ามั้ยคะ และดิฉันได้ไปปรึกษาทนาย ทนายแนะนำว่า ดิฉันมีสิทธิ์ชนะคดี แต่ว่าจะได้แค่กระดาษ แต่ต้องจ่ายค่าทนาย และประเทศนี้ค่าทนายแพงมากๆเลยค่ะ และทนายได้ทำหนังสือไกล่เกลี่ยให้เวลา ๗ วัน ผู้ให้เช่าก็ไม่ได้ติดต่อ และตอนนี้ทนายได้ระงับการซื้อขายร้านไว้ ก็รอคำตอบอยู่ค่ะ เพราะทนายบอกว่า ผู้ให้เช่าเค้าอาจจะเสนอเงินให้บางส่วน หรือไม่ก็ให้ดิฉันให้เหตุผลต่อศาล และทนายบอกว่าถ้ายังเงียบ ทนายก็จะทำจดหมายระงับอีก ๑ ฉบับค่ะ ดิฉันยังสับสนและเครียดมากค่ะ และไม่รู้ว่ากฎหมายจะเหมือนกันรึเปล่าค่ะ แต่ไม่รู้จะปรึกษาใครค่ะ ท่านคิดว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ เพราะดิฉันไม่รู้เรื่องกฎหมายเท่าไหร่ค่ะ  ขอบพระคุณค่ะ
    คำตอบ

    เมื่ออุตส่าห์เสียเงินจ้างทนายแล้วมีอะไรก็ถามเขาเถอะ มาถามคนที่อยู่เมืองไทย คงตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากฎหมายอ๊อสเตรเลียเขาเป็นอย่างไรเหมือนกัน


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    23 เมษายน 2553